ช่วงวัยทำงาน
(Working
Age)
ช่วงชีวิตที่ยาวที่สุดของคนเราน่าจะเป็น
ช่วงวัยทำงาน เริ่มตั้งแต่จบปริญญาตรีที่อายุประมาณ 20 - 60 ปี = 40
ปี เลยทีเดียว
หากไม่ได้เรียนต่อปริญญาโท/เอก
กว่าเราจะผ่านมันไปได้
ให้ชีวิตเราดี มันเป็นเรื่องไม่ใช่ง่ายสำหรับคนๆหนึ่ง สิ่งที่เรามักจะเจอบ่อยๆ ก็คือ ปัญหาการทำงาน
โดยเฉพาะกับบุคคลรอบข้าง
เหนือตัวเรา คือ
หัวหน้างาน ซึ่งแต่ละคน
ที่ได้เจอก็มีลักษณะ นิสัย เป้าหมายในการทำงานและความชำนาญไม่เหมือนกัน จากประสบการณ์ทำงานที่มีการปรับเปลี่ยนหัวหน้างานบ่อยมาก
ใน 40 ปีน่ามีหัวหน้ามาแล้วมากกว่า 20 คน ดังนั้นเราเองต้องปรับตัวให้เข้ากับหัวหน้างานให้ได้
(ไม่ใช่ด้วยวิธีการประจบสอพลอ) เวลาทำงานให้คิดถึงความสำเร็จของงานเป็นอันดับแรกมากกว่าการเอาอกเอาใจหัวหน้า
ให้จำไว้ว่าความสำเร็จของงานที่เราทำเป็นผลงานของเราและองค์กร หัวหน้าเป็นคนรับผลบุญจากเรา
หัวหน้าบางคนที่ชอบใช้วาจาเหน็บแนม สอนงานไม่ได้ กรรโชกด้วยกิริยา ใช้วาจาและน้ำเสียงแหนบแนม
อาจเป็นบุคลิกภาพของเขา คนแบบนี้มีปม น่าสงสาร ต้องเมตตาเขา ถ้าเขาทำได้คงไม่ต้องใช้เรา
เราเก่งกว่าเขาเยอะเพราะเราทำได้และทำได้ดีใครๆก็รู้งานที่ทำเสร็จคือใครทำ เพียงแต่เปิดโอกาสให้ตัวเราเอง
ได้แสดงศักยภาพโดยการพูดและเขียนรายงานงานที่เราทำ และให้หัวหน้าเหนือขึ้นไปรับทราบถึงผลงานเรา
ทำอะไรก็โฆษณาตัวเองด้วย
สำหรับเพื่อนร่วมงาน
หากเจอพวกไม่ช่วย แต่ชอบเนียนๆทำเป็นว่าร่วมทำด้วย ถ้าไม่ช่วยก็อย่าให้เขารู้ว่าเราทำอะไร
อย่างไร ถ้าจะให้รู้ก็ตอนประชุม พร้อมๆกับคนอื่น หัวหน้าจะได้รู้ว่าเราทำคนเดียว อีเมล์แจ้งผลงานเมื่อทำเสร็จโดยเฉพาะเมื่อต้องทำงานดึกๆดื่นๆ
ให้เขารู้กันบ้าง
เมื่อต้องทำงานที่ยาก
ไม่มีพี่เลี้ยง
ทำงานอยู่คนเดียว ไม่มีคนช่วย มีแต่คนมาถามว่าเสร็จเมื่อไหร่
เป็นเรื่องปกติที่คนไหนทำงานได้ก็จะโดนใช้งานตลอด
โดยเฉพาะงานยากๆ งานใหม่ๆ ที่ไม่มีใครอยากทำ
ให้คิดบวกว่าเราเป็นคนเก่ง
และคิดว่าทุกงานเป็นการสร้างเสริมศักยภาพให้ตัวเราเอง เป็นการฝึกฝนตัวตน
สิ่งที่ต้องการในชีวิตคือ Work life balance ดังนั้นคิดจะเปลี่ยนงาน
งานในฝัน คือ งานไม่กดดัน ไม่เครียด หัวหน้างานดี ก็บอกแล้วว่าเป็นงานในฝันจริงๆ ไม่มีหรอกที่จะดีอย่างนี้
ทุกงาน ทุกหน่วยงาน มีแรงกดดัน อุปสรรค อยู่ที่เราจะทน จะปรับตัวไหวไหม ถ้าไม่ไหวก็ต้องขยับขยาย
มี 2 ทางเลือก อยู่กับย้าย
การประคับประคองชีวิต
ให้ดำรงอยู่วัยทำงานของตัวเราเอง
เวลาเกิดความเครียด แบบ
360 องศา ทั้งเรื่องงาน หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว (ลูก ผัว พ่อแม่พี่น้อง) เงินทอง
1. บางทีเราก็ต้องลองไปสอดส่องชีวิตคนที่ลำบากกว่าเราบ้าง
เช่นไปเปิดท้ายขายของ แล้วมองคนรอบข้าง คนซื้อ คนขาย จะพบว่า มีคนมากมายที่ลำบาก ยากจนกล่าวเรา
มีภาระและความทุกข์มากกว่าเรา เรานี้ดีกว่าเขามากนัก มีงานทำ มีเงินเดือน มีคนที่เรารักและเขารักเรา
2. ไปหาสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ เช่น ไปเรียนวิชาชีพ
วาดรูป ทำอาหาร ได้พบเพื่อนใหม่ ไปเรียน ป.โท ป.เอก
3. หาเวลาพักผ่อน เช่น ไปเที่ยว
กินของดีๆ
4. นึกถึงคนที่เรารักและเขารักเรา
5. เตรียมตัวขยับขยาย
5.1 มัธยัสถ์ อดออม ระหว่างที่มีงานทำให้เก็บเงินไว้ด้วยในหลายๆแบบ
ผ่อนบ้านผ่อนคอนโด ซื้อทอง ซื้อกองทุน ซื้อสลากออมทรัพย์ ซื้อประกันสะสมทรัพย์
ตามรายได้ที่เรามีส่วนหนึ่งไว้หักภาษี ส่วนหนึ่งเก็บไว้ใช้เมื่อขัดสน
ไม่เล่นการพนัน เล่นหวย
หรือซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเพราะรวยยาก ไม่ค้ำประกันใคร ไม่ให้ใครยืมเงิน
ไม่ยืมเงินใคร ไม่หลงเชื่อพวกที่โทรศัพท์มาแล้วบอกว่าคุณคือคนพิเศษ (ที่เราจะเอาเงินจากคุณ)
5.2 หาความรู้ สะสมประสบการณ์จากการทำงาน
สร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง
5.3
หางาน – โยกย้าย เรียนต่อ หรือหางานใหม่เลย หากรู้ว่าอยู่ไม่ได้แน่ๆให้เตรียมตัวหางานใหม่
ไม่ต้องรีบลาออก อาจไปเรียนต่อในวิชาที่เราสนใจเราอาจจะได้พบช่องทางใหม่ๆ