CRC Café เป็นบล็อกแนะนำการทำวิจัยทางคลินิก สำหรับ นักวิจัย (Researcher) ผู้ประสานงานวิจัย (Clinical Research Coordinator-CRC) ผู้กำกับดูแลการวิจัย (Clinical Research Associate-CRA หรือ Monitor) พยาบาลวิจัย (Research Nurse) ทีมวิจัย (Study Team) คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัย (Ethics Committee) นักศึกษาและผู้สนใจทั่วไป มีบทความเกี่ยวกับ การจัดการโครงการวิจัย การให้คำปรึกษา และอื่นๆ รับแปลเอกสาร **อ่านแล้วถูกใจให้กำลังใจผู้เขียน กรุณาคลิกดูโฆษณาหน่อยนะคะ**
วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
อาสาสมัครวิจัย Subject
วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2563
DEXAMETHASONE RECOVERY : ยาเดกซาเมทาโซนในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19
Dexamethasone:
RECOVERY 8 June 2020
การวิจัยยาเดกซาเมทาโซนในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19: โครงการ RECOVERY
ทีมวิจัยโครงการ RECOVERY
ได้นำเสนอข้อมูลเบื้องต้นการวิจัยยา Dexamethasone ในผู้ป่วยโควิด-19 โครงการ RECOVERY เริ่มทำมาตั้งแต่เดือนมีนาคม
2563 มีผู้ป่วยเข้าร่วมโครงการประมาณ 11,500 ราย ทำใน 175
โรงพยาบาลของสหราชอาณาจักร โดยป่วยจะถูกสุ่มให้เข้ากลุ่มต่างๆ 5 กลุ่ม ในสัดส่วน 2:1 ระหว่างการรักษาตามอาการแบบมาตรฐานปกติกับรับการรักษาด้วยยาชนิดต่างๆตามแต่ที่โรงพยาบาลนั้นๆจะมี
ในสัดส่วน 2:1 หรือ 2:1:1 หรือ 2:1:1:1 ได้แก่
กลุ่มที่
1 การรักษาตามอาการแบบมาตรฐานปกติ ไม่มีการใช้ยาเพิ่มเติม
กลุ่มที่ 2 lopinavir
/ ritonavir ซึ่งเป็นยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อ HIV
กลุ่มที่ 3 low
dose dexamethasone ซึ่งเป็นกลุ่มยาสเตียรอยด์ที่สามารถช่วยลดการอับเสบ
กลุ่มที่ 4 hydroxychloroquine
ใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อมาลาเรีย
กลุ่มที่ 5 azithromycin ซึ่งเป็นยาปฎิชีวนะชนิดหนึ่ง
เมือ 5 มิถุนายน 2563 ทีมวิจัยโครงการ RECOVERY ประกาศหยุดรับอาสาสมัครในการวิจัยยาในกลุ่มยาHydroxychloroquine
เพราะไม่ได้ลดอัตราการตายของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่นอนโรงพยาบาลเมื่อเทียบกับรักษาตามอาการแบบมาตรฐานปกติ
และเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ได้หยุดรับผู้ป่วยในกลุ่มที่ได้รับยา
Dexamethasone
6 mg ต่อวัน อาจจะโดยการรับประทานยา
หรือฉีดเข้าเส้นเลือด เป็นเวลา 10 วัน โดยมีผู้ป่วยที่สุ่มได้รับยานี้จำนวนทั้งหมด
2104 คน เปรียบเทียบกับผู้ป่วยจำนวน 4321 คนที่สุ่มเข้ากลุ่มรักษาตามอาการ ซึ่งเป็นจำนวนอาสาสมัครที่พอสำหรับวิเคราะห์ว่ายานี้ใช้ในการรักษาได้ดีหรือไม่แล้ว
ในจำนวนผู้ที่สุ่มเข้ากลุ่มรักษาตามอาการ อัตราการตายที่วันที่
28 พบมากสูงสุดในคนที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจเป็นจำนวน 41% รองลงมาเป็นกลุ่มที่ต้องให้ออกซิเจนเป็นจำนวน 25% และอัตราการตายพบน้อยที่สุด
จำนวน 13 % ในกลุ่มที่มีการหายใจค่อนข้างปกติไม่ต้องใช้วิธีใดๆส่งเสริมการหายใจ
ผลการวิจัยพบว่า Dexamethasone ช่วยลดอัตราการตายได้ 1 ใน 3 สำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ (rate
ratio 0.65 [95% confidence interval 0.48-0.88]; p=0.0003) ลดอัตราการตายได้ 1 ใน 5 สำหรับป่วยที่ได้รับออกซิเจนแบบอื่นๆ
(0.80 [0.67 to 0.96]; p=0.0021) และการให้Dexamethasone ก็ไม่เกิดประโยชน์กับผู้ป่วยที่ไม่ต้องให้การส่งเสริมการหายใจ (1.22 [0.86 - 1.75; p=0.14)
จากผลการวิจัยนี้ จะเห็นว่า การรักษาด้วยการใช้ยาDexamethasoneช่วยป้องกันผู้ป่วยเสียชีวิตได้ 1 คน จากผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจประมาณ
8 คน หรือให้ออกซิเจนแบบอื่นๆประมาณ 25 คน
สรุปได้ว่า ยาDexamethasone ซึ่งเป็นยาที่มีราคาถูก มีอยู่ทุกโรงพยาบาลและมีใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก
สามารถลดอัตราการตายของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่นอนโรงพยาบาลจากอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงจากโรคโควิด-19ได้
วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2563
การวิจัยทางคลินิกระยะที่ 2 วัคซีน 2019-nCoV (mRNA-1273)
· มีผลการตรวจการตั้งครรภ์เป็นลบ ที่การคัดกรอง, วันที่ 0 และวันที่ฉีดวัคซีนครั้งแรก (วันที่ 1)1. ชาย หรือ หญิง อายุ 18 ปีหรือมากกว่าในวันที่ยินยอมเข้าร่วมโครงการ (วันนัดคัดกรอง, วันที่ 0)2. เข้าใจและตกลงจะปฏิบัติตามกระบวนการวิจัยและให้ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร3. จากการประเมินของผู้วิจัย พบว่ามีสุภาพดีและสามารถปฏิบัติตามกระบวนการวิจัยได้4. ค่าดัชนีมวลกาย (Body mass index: BMI) 18 kg/m2 ถึง 30 kg/m2 ในวันนัดคัดกรอง, วันที่ 05. หญิงที่ไม่มีโอกาสตั้งครรภ์ (non-childbearing potential) อาจจะเข้าร่วมโครงการได้หญิงที่ไม่มีโอกาสตั้งครรภ์หมายถึง หญิงที่ทำหมันโดยการผ่าตัด (มีประวัติตัดท่อนำไข่ออก, ตัดรังไข่ออกทั้ง 2 ข้าง, ตัดมดลูก) หรือหญิงที่หมดประจำเดือน (ไม่มีประจำเดือนมาเท่ากับ หรือมากกว่า 12 เดือนติดต่อกันก่อนคัดกรอง, วันที่ 0 โดยไม่มีสาเหตุทางการแพทย์อื่นใด) อาจจะมีการวัดระดับ follicle-stimulating hormone (FSH)ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้วิจัยเพื่อยืนยันสถานการณ์หมดประจำเดือน (postmenopausal status)6. หญิงที่มีโอกาสตั้งครรภ์อาจจะเข้าร่วมโครงการได้ หากมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
· มีการคุมกำเนิดที่เหมาะสม หรือยกเว้นกิจกรรมทางเพศทั้งหมดที่จะทำให้มีโอกาศตั้งครรภ์ได้เป็นเวลาอย่างน้อย 28 วันก่อนได้รับวัคซีนเข็มแรก (วันที่ 1)
· ตกลงที่จะมีการคุมกำเนิดที่เหมาะสมตลอดระยะเวลา 3 เดือนหลังจากฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 (วันที่ 29)
· ไม่ได้กำลังให้นมบุตรอยู่ในขณะนี้
· โดยวิธีขวางกั้น (Barrier method) เช่น การใช้ถุงยางอนามัย(condoms) หมวกยางกั้นช่องคลอด (diaphragm) หมวกยางครอบปากมดลูก (cervical cap) ร่วมกับยาฆ่าอสุจิ (spermicide)การคุมกำเนิดที่เหมาะสมสำหรับผู้หญิง หมายถึง การใช้วิธีการคุมกำเนิดที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา (Food and Drug Administration: FDA)อย่างสม่ำเสมอตามที่กำหนดไว้ในใบกำกับยา ตัวอย่างเช่น
· ห่วงอนามัย (Intrauterine device)
· ยาคุมกำเนิด โดยการกินยาเม็ด ใช้แผ่นปะ ฉีดยาคุมกำเนิดทั้งแบบใต้ผิวหนังหรือเข้ากล้ามเนื้อ
· การทำหมันชายที่เป็นคู่สมรส (คู่เพศสัมพันธ์ที่มีเพียงคนเดียว) ของผู้เข้าร่วมโครงการเพศหญิงก่อนเข้าร่วมโครงการ
· มีคู่เพศสัมพันธ์เพียงคนเดียวที่ใช้ห่วงอนามัย หรือการคุมกำเนิดที่กล่าวมาแล้วข้างต้นหมายเหตุ ห้ามไม่ให้ใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบงดการมีเพศสัมพันธ์เป็นช่วงๆ เช่น การดูปฏิทิน การนับวันไข่ตก การวัดอุณหภูมิ การหลั่งนอกช่องคลอด เป็นต้น7. หญิงวัยเจริญพันธ์ต้องมีผลตรวจการตั้งครรภ์จากปัสสาวะ หรือเลือด เป็นลบภายใน 24 ชั่วโมงก่อนได้รับวัคซีนแต่ละครั้ง8.อาสาสมัครชายที่มีเพศสัมพันธ์กับคู่เพศสัมพันธ์ที่มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ต้องตกลงที่จะคุมกำเนิดอย่างเหมาะสมนับตั้งแต่วันที่ได้รับวัคซีนครั้งที่ 1 และตลอดระยะเวลา 3 เดือนหลังได้รับวัคซีนครั้งสุดท้ายการคุมกำเนิดที่เหมาะสมสำหรับอาสาสมัครชาย หมายถึง
· ใช้วิธีขวางกั้น (Barrier method) และยาฆ่าอสุจิ (spermicide)
· มีประวัติผ่าตัดทำหมันถาวร
1. มีประวัติติดเชื้อ SARS-CoV-2 หรือสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ SARS-CoV-2 หรือโควิด-192. เดินทางออกนอกประเทศสหรัฐ ใน 28 วัน ก่อนวันนัดคัดกรอง (วันที่ 0)3. ตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร4. มีความเจ็บป่วยรุนแรง หรือมีไข้ 24 ชั่วโมงก่อน หรือ ก่อนวันนัดคัดกรอง (วันที่ 0)ไข้ หมายถึง มีอุณหภูมิร่างกายที่วัดทางปาก ≥ 38.0 °C/ 100.4 °F อาสาสมัครที่มีเกณฑ์นี้อาจนัดให้มาใหม่หากยังอยู่ในกรอบเวลาที่กำหนด (window period) อาสาสมัครเจ็บป่วยเล็กน้อยที่ไม่มีไข้สามารถเข้าร่วมโครงการได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้วิจัย5. เคยได้รับวัคซีนวิจัย CoV (ได้แก่, SARS-CoV-2, SARS-CoV, MERS-CoV)มาก่อน6. กำลังรักษาด้วย ยาวิจัยเพื่อป้องกันโรคโควิด-197. มีสภาวะทางการแพทย์ สภาพทางจิต หรืออาชีพการงานที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อการเข้าร่วมโครงการ หรือรบกวนการประเมินด้านความปลอดภัย หรือการแปลผล ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้วิจัย8. เป็นผู้ปฏิบัติงานด้านการดูแลสุขภาพ หรือ เป็นสมาชิกในทีมปฏิบัติการฉุกเฉิน9. กำลังใช้สารสูดดม ได้แก่ ยาสูบ กัญชา บุหรี่ไฟฟ้า เป็นต้น10. มีประวัติติดบุหรี่ (≥ 1 มวนต่อวัน) ภายใน 1 ปีก่อนนัดคัดกรอง (วันที่ 0)11. มีประวัติใช้สารที่ผิดกฎหมาย หรือติดเหล้า ใน 2 ปีที่ผ่านมา ยกเว้นการใช้กัญชาซึ่งเป็นสิ่งผิดกฎหมายในอดีตในรัฐที่อาสาสมัครอาศัยอยู่ แต่ในปัจจุบันที่วันนัดคัดกรองกัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมาย12. มีประวัติความดันโลหิตสูง หรือ systolic blood pressure > 150 mm Hg ในอาสาสมัครกลุ่มที่ 1 (≥ 18 to < 55 years old) หรือ systolic blood pressure > 160 mm Hg ในอาสาสมัครกลุ่มที่ 2 (≥ 55 years old) ที่วันนัดคัดกรอง (วันที่ 0)13. มีประวัติความดันโลหิตต่ำ หรือ systolic blood pressure < 85 mm Hg ที่วันนัดคัดกรอง (วันที่ 0)14. เป็นเบาหวาน15. ได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นโรคปอดเรื้อรัง ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (chronic obstructive pulmonary disease) โรคหอบหืด (asthma)16. โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด17. อาศัยอยู่ในบ้านพักคนชรา18. ผลทางการตรวจทางห้องปฏิบัติการด้านความปลอดภัยทางคลินิก (clinical safety laboratory testing) ระดับที่ 1 หรือมีความเป็นพิษสูง ที่วันนัดคัดกรอง (วันที่ 0)19. ได้รับการวินิจฉัยทั้งปัจจุบัน หรือในอดีตว่าเป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้นกัน20. ได้รับยาที่ทำให้กดภูมิคุ้มกัน หรือยากลุ่ม immune-modifying drugs ติดต่อเป็นประจำรวมทั้งหมด > 14 วัน ใน 6 เดือนก่อนวันนัดคัดกรอง (วันที่ 0) (สำหรับ corticosteroids ≥ 20 mg/day ของ prednisone equivalent อนุญาตให้ใช้ยาสเตียรอยด์ ชนิดทาได้ หากไม่ได้ใช้ภายใน 14 วันก่อนวันนัดคัดกรอง (วันที่ 0)21. คาดว่าอาจต้องใช้ยารักษาที่ทำให้กดภูมิคุ้มกันในระหว่างร่วมโครงการ22. พบผลบวกserology ของ hepatitis B virus surface antigen, hepatitis C virus antibody, หรือ human immunodeficiency virus (HIV) type 1 หรือ 2 antibodies ที่ วันนัดคัดกรอง (วันที่ 0)23. มีประวัติการแพ้ มีผื่นคัน หรือ อาการไม่พึงประสงค์ที่สำคัญอื่นๆหลังจากได้รับวัคซีน24. ภาวะเลือดออกผิดปกติซึ่งเป็นข้อห้ามในการเจาะเลือด หรือฉีดยาเข้ากล้าม25. ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งใน 10 ปีที่ผ่านมา รวมถึง non-melanoma skin cancer26. ได้รับ หรือวางแผนที่จะได้รับวัคซีนที่ขึ้นทะเบียนแล้ว ≤ 28 วันก่อนได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 (วันที่ 1) หรือวางแผนที่จะได้รับวัคซีนที่ขึ้นทะเบียนแล้ว ≤ 28 วันก่อนหรือหลังฉีดวัคซีนวิจัย สามารถฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ขึ้นทะเบียนแล้ว มากกว่า 14 วันก่อนหรือหลังฉีดวัคซีนวิจัยได้27. ได้รับ immunoglobulin หรือ ผลิตภัณฑ์จากเลือด ภายในช่วง 3 เดือนก่อนวันนัดคัดกรอง (วันที่ 0) หรือมีแผนที่จะรับเวลาใดๆขณะอยู่ในโครงการ28. บริจาคโลหิต ≥ 450 mL ภายใน 28 วันก่อนวันนัดคัดกรอง (วันที่ 0) หรือมีแผนที่จะบริจาคโลหิตเวลาใดๆขณะอยู่ในโครงการ29. เข้าร่วมการวิจัยทางคลินิกอื่น ภายใน 28 วันก่อนวันนัดคัดกรอง (วันที่ 0) หรือมีแผนที่จะเข้าร่วมวิจัยทางคลินิกที่เวลาใดๆขณะอยู่ในโครงการ30. มีสมาชิกในครอบครัว หรือสมาชิกในบ้านเป็นเจ้าหน้าที่วิจัยถ้าทราบผลการวิจัยเมื่อไหร่จะมาแจ้งให้ทราบต่อไป
บทความใหม่
ชุดตรวจโรคด้วยตัวเองที่บ้าน Home Use Test
ชุดตรวจโรคด้วยตัวเองที่บ้าน Home Use Test ปัจจุบันนี้ชุดตรวจโรคด้วยตัวเองที่บ้านมีใช้กันอย่างแพร่หลาย สามารถอำนวยความสะดวกให้เราได้ตรวจโรค...
บทความแนะนำ
-
ผู้กำกับดูแลการวิจัย (Clinical Research Associate) หรือที่เรามักเรียกกันว่า CRA หรือ Monitor ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของผู้ให้ทุน มาช่วยกำ...
-
มาตรฐานการปฏิบัติงาน (Standard Operating Procedure - SOP) ในการบริหารจัดการโครงการวิจัย ผู้วิจัยหลักและทีมวิจัยต้องดำเนินการวิจัยให้...
-
กระบวนการขอความยินยอม (Consent Process) กระบวนการขอความยินยอม เป็นกระบวนการสำคัญตามหลักจริยธรรมการวิจัย ที่แสดงให้เห็นถึงการปกป้องส...
-
ผู้วิจัย (Investigator) การวิจัยทางคลินิกที่ทำกับคนต้องดำเนินการโดยบุคคลที่ได้รับการศึกษา อบรม และมีคุณสมบัติที่เหมาะสมทางด้านจริยธ...
-
ผู้ประสานงานวิจัย (Clinical Research Coordinator - CRC) เป็นบุคคลที่ผู้วิจัยหลักไว้วางใจมอบหมายหน้าที่ให้จัดการงาน ช่วยเหลือจัดการ สนั...
-
พยาบาลวิจัย (Clinical Research Nurse-CRN) ปัจจุบันนี้พยาบาลนอกจากจะมีบทบาทสำคัญยิ่งในดูแลรักษาผู้ป่วยในหอผู้ป่วยแล้ว ยังมีบทบาทที่สำคัญ...
-
ผู้ช่วยวิจัย (Research Assistant – RA หรือ Clinical Trial Assistant) RA มี หน้าที่สำคัญในการดูแลสนับสนุนแก่ทีมวิจัย เพื่อช่วยส่งเสริมก...
-
ผลประโยชน์ทับซ้อน ( Conflicts of Interest: COI) การแข่งขันในอุตสาหกรรมทางการแพทย์ทั้งธุรกิจยา เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมทั้งการคิด...
-
การควบคุมคุณภาพและการประกันคุณภาพการวิจัย (Quality Control and Quality Assurance for Clinical Trial) ผู้ให้ทุนซึ่งมีความรับผิดชอบส...
-
การจัดการเอกสารวิจัย (Study Document Management) ในการทำวิจัยมีเอกสารมากมายหลายชนิด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเอกสารที่สำคัญ หายไม่ได้ เพรา...