CRC Café : Work and Travel
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Work and Travel แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Work and Travel แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2563

เชียงราย – พะเยา - น่าน – แพร่

ขับรถเที่ยวเชียงราย – พะเยา - น่าน  – แพร่  5 วัน

วันที่ 1 พฤหัสต้นเดือน ขับรถออกจากบ้านกทม. ตี 5 ถึงเชียงรายประมาณ 4 โมงเย็น โดยใช้เส้นทาง นครสวรรค์ > ตาก > ลำปาง > พะเยา > เชียงราย ประมาณ 800 กิโลเมตร ถนนดี 4 เลนตลอดสาย โชคดีไม่มีพบปะตำรวจทางหลวง ถึงเชียงรายเช็คอินที่พักที่โรงแรมในใจกลางเมือง

ติดต่อ กรุ๊ปทัวร์ เพื่อเที่ยวชม 11 สถานที่ ในเชียงราย ในราคา 990 บาทวันพรุ่งนี้ ตกเย็นเดินเล่นตลาดไนท์บาซ่า รับประทานอาหารเย็น เสร็จแล้วไปชมหอนาฬิกา 7 สีตอน 1 ทุ่มจะมีเพลงประกอบแสงสีเสียง

 

วันที่ 2 วันศุกร์ โปรแกรมกรุ๊ปทัวร์ชม วัดร่องขุ่น วัดร่องเสือเต้น บ้านดำ พิพิธภัณฑ์ฝิ่น ไร่ชา กระเหรี่ยงคอยาว สามเหลี่ยมทองคำ แม่สาย เชียงแสน วัดผาเงา ถ้ำปูถ้ำปลา


มีไกด์เป็นสาวสวยแต่งตัวชุดพื้นเมืองล้านนา พร้อมผู้ช่วย ขับรถตู้มารับที่โรงแรม


เนื่องจากไม่ใช่ฤดูการท่องเที่ยว กรุ๊ปจึงมีลูกค้าเป็นชาวเยอรมัน 2 คน และกลุ่มเราที่เป็นคนไทย 2 คน เพื่อความสะดวกในการสนทนาจึงใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก การไปเที่ยวในกรุ๊ปทัวร์ช่วยย่นเวลาในการท่องเที่ยว ไม่หลงทาง ไม่เหนื่อยขับรถ ได้ความรู้และเป็นการสนับสนุน Local Business เขาอาจจะไม่ดูแลเท่าเทียมชาวต่างชาติ ก็อย่าไปคิดอะไรมาก ราคาของชาวต่างชาติแพงกว่าเรา ตอนกลางวันพาแวะเลี้ยงอาหารไทยแบบบุฟเฟ่ต์ รสชาดอร่อยใช้ได้ นักท่องเที่ยวมารวมกันจากหลายกรุ๊ปทัวร์น่าจะเที่ยวคล้ายๆกัน เป็นชาวจีนเป็นส่วนใหญ่ เที่ยววันนี้ไม่ครบตามโปรแกรมเพราะไม่ทันหรอก ไม่น่าเขียนมาซะเยอะ น่าจะเอาตามจริงที่ทำได้ ถ้าไปเจอฝรั่งเขี้ยวๆ เขาไม่ยอมหรอก แต่กลุ่มเราเข้าใจและไม่เร่งรีบ เวลาตามความเหมาะสม ได้เที่ยวที่สำคัญๆครบก็พอ 


ได้ไปวัดร่องขุ่น วัดร่องเสือเต้น บ้านดำ สวยงามน่าสนใจดี พิพิธภัณฑ์ฝิ่นงั้นๆ มาถึงแล้วก็เข้าไปดูซะหน่อย ส่วนกระเหรี่ยงคอยาวเสียตังค่าเข้า 100 บาท ไม่ได้เข้าไปเพราะเคยเห็นของจริงที่เป็นชาวบ้านจริงๆนานแล้ว น่าสงสาร มากกว่า เลยนั่งๆนอนๆกินสับปะรดภูแลรออยู่ด้านหน้า ฝรั่งดูเสร็จออกมาบ่นฉันไม่น่าเข้าไปดูเลย น่าสงสารเขา เราเลยบอกไปว่า การมาดูพิพิธภัณฑ์ฝิ่นและเยี่ยมชาวกระเหรี่ยงคอยาวของยูเป็นการช่วยเหลือเขาให้มีรายได้ และยูก็จะได้เห็นชนเผ่าแบบนี้ที่มีที่เดียวในโลก ดูจะสบายใจละ ฮิๆ แวะชมแม่น้ำโขง ตรงสามเหลี่ยมทองคำ เห็นความเปลี่ยนแปลงฝั่งลาวมากๆ สมัยก่อนจะเป็นป่าเขาลำเนาไพร ตอนนี้เขาบอกจีนมาลงทุนทำเมืองใหม่ใหญ่โตมากๆ ที่สุดท้ายไปเชียงแสน ชมวัดและเมืองเก่า กลับถึงที่พักประมาณ 6 โมงเย็น เลยเดินเล่นชมเมืองและหอนาฬิกาอีกรอบ แวะซื้อไส้อั่วเดินกินเล่น และของฝาก


 

วันที่ 3 วันเสาร์ พะเยา – น่าน

ใช้เส้นทางเชียงราย พะเยา งาว สอง ร้องกวาง เวียงสา น่าน ระยะทางประมาณ 300 ก.ม. ใช้เวลา 4 ช.ม. 

รับประทานอาหารเช้าเสร็จออกจากเชียงราย ไปแวะถ่ายรูปที่กว๊านพะเยาและวัดศรีโคมคำ

เส้นทางต่อจากนี้เป็นป่าเขาไม่ค่อยมีปั๊มน้ำมัน อย่าลืมเติมน้ำมันให้เต็มถังก่อนออกเดินทาง และอย่าลืมขับรถด้วยความระมัดระวัง


ถึงจังหวัดน่านเช็คอินที่พักแถว "ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน" ที่อยู่ตรงวัดภูมินทร์ แล้วเดินไปซื้อตั๋วนั่งรถรางชมเมืองที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวตรงข้ามวัดภูมินทร์ เสียค่าใช้จ่าย 30 บาท/ที่นั่ง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการเที่ยวชม วัดสวนตาล พิพิธภัณฑ์ชุมชนบ้านพระเกิด โฮงเจ้าฟองคำ วัดดอนแก้ว พระธาตุวัดดอนแก้ว วัดมหาโพธิ วัดหัวเวียงใต้ ผ่านกำแพงและป้อมประตูเมือง และบ้านทำเครื่องเงินโบราณลุงบุญช่วย 

ระหว่างรอขึ้นรถแวะชิมข้าวซอยตรงร้านใกล้วัดภูมินทร์ 

กลับจากนั่งรถรางเดินเล่นถ่ายรูป ศาลหลักเมือง วัดศรีพันต้น วัดน้อยซึ่งเป็นวัดที่เล็กที่สุดในประเทศไทยตั้งอยู่ในบริเวณพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่าน วัดภูมินทร์ วัดมิ่งเมือง 

เย็นพอดี ได้เดินถนนคนเดินน่านเลย มีชาวน่านมาขายสินค้าและอาหารพื้นเมืองมากมาย มีบริเวณตั้งขันโตกให้รับประทานกลางแจ้ง ดีมาก ดีกว่าตลาดนัดที่เชียงราย





วันที่ 4 วันอาทิตย์ แพร่ 

รับประทานอาหารเช้าเสร็จเดินทางไปวัดแช่แห้งสักการะพระธาตุแช่แห้งพระธาตุประจำผู้เกิดปีเถาะเพื่อเป็นสิริมงคลก่อนเดินทางไปแพร่ เส้นทางจากน่านไปแพร่ใช้เวลาประมาณ 4 ชม.ทางคดเคี้ยวผ่านเขาควรขับรถด้วยความระมัดระวัง

ก่อนถึงเมืองแพร่  แวะเที่ยววนอุทยานแพะเมืองผี แล้วเข้าเมืองไปนั่งรถรางฟรี ขึ้นรถที่คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ ตรงข้ามโรงเรียนนารีรัตน์ มีเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ รถหลายรอบ 10.00 . 14.00 น.และ16.00 น. พาชม คุ้มเจ้าหลวง เมืองแพร่ ศาลหลักเมืองแพร่ วัดหลวง วัดพงษ์สุนันท์ บ้านวงศ์บุรี วัดพระนอน คุ้มวิชัยราชา บ้านหลวงศรีครานุกูล วัดเมธังกราวาส วัดสระบ่อแก้ว มัคคุเทศก์ เป็นจิตอาสามาก่อนลงจากรถให้ทิปน้องเป็นสินน้ำใจกันหน่อย


กินขนมจีนน้ำใส ขับรถเที่ยวเองรอบเมืองต่อที่ บ้านประทับใจ วัดพระธาตุช่อแฮ 

นอนโรงแรมใกล้ถนนคนเดิน ถนนคนเดินแพร่จะมีวันอาทิตย์แรกของเดือน ถนนเจริญเมือง ตรงหัวถนนเจริญเมืองตัดกับถนนเลียบกำแพงเมืองด้านนอก เลยทำให้ทริปนี้ต้องวางแผนมาต้นเดือน 


วันที่ 5 กลับกรุงเทพ 

สำหรับแพร่และน่าน ถ้ามีโอกาสจะไปอีก แต่คงนั่งเครื่องบินไปดีกว่า เร็วและไม่เหนื่อย ไปทีละจังหวัด

มีสิ้นค้าพื้นเมืองเป็นผ้าทอมือสวยงาม อาหารอร่อย ผู้คนเป็นมิตร 


วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2563

เที่ยวทั่วไทย: เตรียมตัวขับรถเที่ยว Prepare for Self-drive Travel in Thailand

เที่ยวทั่วไทย: เตรียมตัวขับรถเที่ยว Prepare for Self-drive Travel in Thailand 

ปัจจุบันนี้การเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองในประเทศทำได้ไม่ยาก หากเราสามารถลาหยุดได้ยาวๆ แต่ไม่ควรจะเป็นวันหยุดยาวๆที่คนจะไปรวมตัวกันทุกสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยก็มีเยอะมาก แต่ละภาค แต่ละจังหวัดก็มีความแตกต่างกัน ทั้งเรื่องภาษา อาหาร วัฒนธรรม สินค้าพื้นเมือง วัด เมืองไทยมีสถานที่มากมายให้เราเรียนรู้ 

เราสามารถเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่เช่ารถตู้ นั่งรถประจำทาง นั่งเครื่องบิน หรือรถไฟไปยังสถานที่ที่เราต้องการไปเที่ยว เคยรู้จักน้องผู้ชายคนหนึ่งเธอเล่าว่าเธอเบี้ยน้อยหอยน้อย แต่ชอบท่องเที่ยวโดยใช้บริการรถไฟฟรีไปเที่ยว นอนตามวัดและเรียนรู้ผู้คนในที่ต่างๆ เป็นการท่องเที่ยวที่ใช้งบประมาณน้อย แต่ก็ต้องคิดถึงเรื่องความปลอดภัยด้วย สำหรับผู้เขียนชอบขับรถส่วนตัวเที่ยวเพราะอยากซื้ออะไรก็ซื้อใส่รถได้ ไปตามที่ที่เราสนใจ

ก่อนไปขับรถเที่ยวเอง ควรต้องมีแผนการเดินทาง รีวิวของคนอื่น ดูว่าเดือนนี้ที่ที่เราจะไปมีกิจกรรมอะไรน่าสนใจ มีร้านอาหารอะไรที่ต้องไปชิม มีที่ไหนที่ต้องแวะ ของอะไรที่ต้องซื้อ สำรวจเส้นทางโดย google map ให้เรียบร้อยก่อน เตรียมรถให้พร้อมเช็คสมรรถภาพของรถ เตรียมร่างกายให้แข็งแรงเพราะต้องขับรถทางไกล เลือกและจองโรงแรมให้เรียบร้อยปกติชอบจองวันต่อวันทางเวปไซด์ต่างๆ สะดวกมาก ก่อนจองควรรีวิวดูซะหน่อยว่าปลอดภัยไหม ดูพยากรณ์อากาศด้วยว่า อากาศร้อนหรือหนาว จะได้เตรียมเสื้อผ้าไปถูก 

ของติดรถไปด้วย น้ำดื่มเป็นขวดๆคนละขวด ขนม/ของกินเล่น กระดาษชำระ ถุงขยะ ร่ม ผ้าขี้ริ้ว เผื่อต้องเช็ดรถยามฝนตกหนัก หรือมีของหกเลอะในรถ 

เตรียมกระเป๋าเดินทาง ตามจำนวนวันที่ไป + 2 ถึง 3 ชุด เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน

หารองเท้าที่เดินสบายๆ รองเท้าแตะ รองเท้าผ้าใบ รองเท้าส้นแบบ (Flats)

เสื้อผ้าที่ไม่ต้องรีดม้วนได้

ชุดใส่นอนอาจใช้ 1 ชุด ใส่ซัก 3 วัน

เตรียมชุดสวยๆไว้ใส่ถ่ายรูป ปกติชอบใส่เสื้อหลายๆชั้นตามความหนาว มีเสื้อยืดแขนสั้นแนบตัวอยู่ในสุด ชั้นต่อมาเป็นเสื้อแขนยาว ตามด้วยสเวตเตอร์ และเสื้อแจ็คเก็ต หรือเสิ้อโค้ทตามความหนาวของอากาศ

เครื่องใช้อาบน้ำ ผ้าเช็ดตัว แชมพู สบู่ ปกติโรงแรมจะมีให้แล้ว แต่คุณภาพมักไม่ค่อยดี ควรมีของที่เราชอบติดไปด้วย ยาสีฟัน แปรงสีฟัน โรลออน เครื่องประทินโฉมสำหรับสาวๆ เช่น แป้ง ลิปสติก ที่ทาแก้ม ทาตา น้ำหอม ครีมต่างๆ เช่น ครีมบำรุงผิวและกันแดด ถ้าไปนานอย่าลืมกรรไกรตัดเล็บด้วย

ถุงพลาสติกใส่เสื้อผ้าใช้แล้ว 

แก็ตแจ็ตต่างๆ เช่น Headphones, Chargers, Power Bank, ปลั๊กพ่วง, ไม้เซลฟี่ 

ของในกระเป๋าสะพาย บัตรประจำตัวประชาชน ใบขับขี่รถยนตร์ เงิน โทรศัพท์มือถือ อย่าลืมเอาสายชาร์ทและpower bankไปด้วย  ยาประจำตัวและยาที่จำเป็นเช่นยาแก้ไข้ ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้เวียนศีรษะ เครื่องสำอางแบบพกพาไว้แต่งหน้า ถุงผ้า ขวดเปล่าไว้ใส่น้ำกิน หมวก ผ้าพันคอ แว่นตา หวี กระดาษทิชชูเปียกและแห้ง เพราะการระบาดของโรคCOVID-19 อย่าลืมหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์แบบพกพา

 

 


วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2563

Work from home ทำงานที่บ้าน

Work from home ทำงานที่บ้าน

ตั้งแต่มีการระบาดของโรคโควิด-19 หน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชนก็อนุญาตให้พนักงานเอางานไปทำที่บ้าน แต่เนื่องจากบ้านไม่ใช่สำนักงานจึงมีข้อจำกัดมากมาย ไม่ใช่ทุกงานจะทำที่บ้านได้ แต่เพื่อไม่ให้เราต้องตกงาน จึงมีความจำเป็นที่เราต้องปรับตัวให้ทันยุคทันสมัย เพราะโรคโควิด-19คงยังเป็นปัญหาที่อยู่กับเราไปอีกพักใหญ่ๆ

อย่างไรก็ตามเทคโนโลยี่ในปัจจุบันก็สนับสนุกการทำงานที่บ้านมากขึ้นกว่าในอดีต สัญญาณอินเตอร์เนตดีขึ้นมากๆระดับ 4-5G แต่ก็ต้องมีค่าใช้จ่าย มี email LINE มีช่องทางการส่งเอกสารได้ทีละมากๆ เช่น google drive การประชุมskype, LINE, ZOOM เป็นไปได้อย่างมากว่ายุคต่อไปเราคงต้องทำงานที่บ้านกันมากขึ้น

ข้อดีของการทำงานที่บ้าน คือเราไม่เสียเวลาไปกับการเดินทางไปที่ทำงานจากรถติด ซึ่งบางครั้งไป-กลับอาจใช้เวลา 4-5 ชั่วโมง เรามีอิสระในการทำงานมากขึ้น ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้นเพราะไม่มีคนคอยมองคอยคุม

ถึงแม้จะทำงานที่บ้าน เราก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานการปฏิบัติของหน่วยงาน หน่วยงานควรมีมาตรฐานการปฏิบัติให้พนักงานปฏิบัติเมื่อใช้บ้านเป็นสำนักงาน (ให้พนักงานทำงานที่บ้าน)

เช่น พนักงานทุกคนต้องเข้าใจวิธีการติดต่อกับเพื่อนร่วมงาน หน่วยงานจัดทำเบอร์โทรศัพท์และอีเมล์ของเพื่อนร่วมงานและลูกค้าให้พนักงานทุกคน  มีวิธีจะติดต่อกับใครในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งอาจใช้webpage hotline หรือ group เช่น Line group เป็นต้น

พนักงานควรมีการรายงานความก้าวหน้าของงาน อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

ถ้าจะทำบ้านให้เป็นสำนักงานต้องคิดถึงออะไรบ้าง

พื้นที่ที่จะทำงาน ซึ่งควรมีความเป็นส่วนตัว ไม่ใช่นั่งทำงานอยู่ก็มีสามี มีลูกๆมาวุ่นวายรอบข้าง ยิ่งหากต้องติดต่อพูดคุยในเรื่องสำคัญยิ่งต้องการสมาธิและไม่มีเสียงรบกวน มีแสงกำลังดี มีบรรยากาศผ่อนคลายเช่น มีต้นไม้เล็กๆ ไว้พักสายตา

เครื่องใช้สำนักงานพื้นฐาน ได้แก่ โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ควรเลือกที่ทำให้นั่งทำงานสบาย ไม่ปวดเมื่อยหลังหรือเข่า คอมพิวเตอร์เครื่องพิมพ์เครื่องแฟกซ์เครื่องสแกนซึ่งเดี๋ยวนี้มีครบในหนึ่งเครื่อง อินเตอร์เนต มีระบบไฟฟ้าและการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่มีมาตรฐานมีความปลอดภัย ในส่วนนี้ควรได้รับการสนับสนุนและคำปรึกษาจากหน่วยงาน

เวลาทำงาน ต้องกำหนดเวลาทำงานให้กับตัวเองและต้องมีความรับผิดชอบตัวเอง ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า และอื่นๆ เพื่อให้เกิดสมดุลระหว่างงานและคุณภาพชีวิต ยกเว้นในกรณีฉุกเฉิน เช่นมีงานเร่งด่วน แต่ถ้าทำงานที่มีสาขาทั่วโลกอาจไม่สามารถกำหนดชั่วโมงการทำงานที่แน่นอนได้ นอกจากเมื่อพักร้อนก็ตัดการติดต่อกับที่ทำงานได้เลย

การติดต่อสื่อสาร ควรจะแยกเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ส่วนตัวกับเบอร์โทรศัพท์เรื่องธุรกิจการงาน หากเป็นไปได้คอมพิวเตอร์ด้วย

ทำงานที่บ้านอย่างน้อยที่สุดควรมี โต๊ะ เก้าอี้ โนต๊บุค ตู้หรือลิ้นชักเก็บเอกสาร ที่ทำลายเอกสาร (ถังขยะ) ปฏิทิน และความรับผิดชอบ อย่านึกว่าอยู่ที่บ้านเจ้านายจะไม่รู้ว่าคุณอยู่ที่ไหนและทำอะไร เดี๋ยวนี้คุณอยู่ที่ไหนทำอะไรเขาตรวจสอบได้ ส่วนใหญ่เขาดูจากผลลัพธ์ของงาน

ถึงแม้ว่า จะทำงานที่บ้าน แต่การพบปะพูดคุย ปรึกษาหารือ ประชุมกันก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็น สัมพันธภาพและความเข้าใจกันจะมีเพิ่มมากกว่าการติดต่อแบบไม่เจอตัว มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องการการสังสรรค์

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ประเทศอินโดนีเซีย Indonesia

อินโดนีเซีย Indonesia

บาหลี จายาปุระ และ เมาเมอเร่

Jayapura, Papua and Maumere, Sikka District, East Nusa Tenggara Province, Indonesia

มักได้ยินเสมอว่าชาวตะวันตกชอบเที่ยวประเทศอินโดนีเซีย โดยเฉพาะบาหลี เมื่อประมาณปี 2008 ซัก 10 กว่าปีที่แล้วมีโอกาสได้ไปทำงานที่ประเทศอินโดนีเซียและได้ไปแวะเปลี่ยนเครื่องบินหลายเกาะ ทำให้เห็นว่า ประเทศนี้มีเสน่ห์เพราะมีความหลากหลายในวัฒนธรรม แต่ละเกาะก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว อาหารก็อร่อยถูกปาก 

    ขอบคุณแผนที่จากGoogle Map

การเดินทาง แต่ละทริปที่ไปจะใช้เวลาอย่างน้อย 2 อาทิตย์ ประเทศอินโดนีเซียเป็นหมู่เกาะการเดินทางภายในประเทศจึงใช้เครื่องบินกับเรือเป็นหลัก โดยบินจากกรุงเทพ ไปนอนจากาตาร์ หรือบาหลี 1 คืน จากนั้นก็ต่อเครื่องไปเกาะซุมบา (Sumba) หรือ ติมิก้า ปาปัว (Timika, Papua) หรือที่ไหนก็จำไม่ค่อยได้ บางครั้งอาจต้องรอต่อเครื่องอีก 1 คืน ซึ่งก็เป็นความกรุณาของเลขาฝ่ายอินโดนีเซียที่อยากให้มีประสบการณ์ เลยได้ต่อเครื่องหลายเกาะ เวลาจะเปลี่ยนเครื่องก็ต้องคอยจำว่าเทียวนี้ต้องต่อเครื่องที่เกาะไหน ชื่อก็จำยากซะด้วย แต่เนื่องจากเป็นคนไทยอยู่คนเดียวในเครื่องแอร์โฮสเตสจึงมาคอยเตือนให้ลงไปต่อเครื่อง มิฉะนั้นจะไปผิดเกาะ แต่ละที่ที่ไปไม่เห็นมีคนไทยเลย เจ้าหน้าที่ตามสนามบินจึงจำได้ พอเห็นหน้าก็จะทักทายว่า มิสไทยแลนด์ มงลงไม่รู้ตัว 

ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีอัธยาศัยดีคล้ายคลึงกัน พอขึ้นเครื่อง ลงนั่งปั๊บก็หันมาคุยกับคนข้างๆ เหมือนเป็นญาติกันมาแต่ชาติปางก่อน อ้ายเราก็นั่งนิ่งๆก็จะทักพูดคุยกับเรา ก็เลยต้องบอกไปว่า ไม่ใช่คนอินโดนีเซีย เป็นคนไทย เท่านั้นแหละ บอกต่อๆกันไป เดินมาดูหน้าดูตาทักทายกันใหญ่ จริงหน้าตาเราก็เหมือนเขากัน ถ้าไม่คุยก็ไม่มีใครรู้ มีอยู่ครั้งหนึ่งได้นั่งคู่กับหนุ่มชาวเกาะSumba คุยเก่งมากบอกว่าเมียตาย กำลังหาเมียใหม่ชวนเราไปเที่ยวซะเฉยๆ อ้ายเราต้องรีบไปทำงาน ไม่งั้นคงอาจไปเป็นชาวเกาะ

มีคืนนึงกำลังนั่งรอต่อเครื่องไปจายาปูระอยู่คนเดียวที่สนามบิน ซักพักก็มีเครื่องลำใหม่มาลง มีผู้ชายแต่งกายแบบชนเผ่าในเกาะปาปัวซัก 20-30 คนน่าจะกลับจากการโชวร์ตัว ลงมานั่งล้อมรอบเรา ทำเอาอึ้ง จะลุกก็ไม่กล้าลุก กลัวเขาจะหาว่ารังเกียจ นั่งไปซักพักค่อยๆลุกไปเข้าห้องน้ำ ในที่สุดก็ได้ไปจายาปูระเครื่องเดียวกันอะ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นชนเผ่าแบบใน National Geographic แบบตัวเป็นๆ

ถึงจายาปุระ เสร็จภารกิจ ออกจากจายาปุระ กลับมานอนบาหลีอีกเพื่อต่อเครื่องไปเกาะเมาเมอเร่ เสร็จภารกิจออกจากเมาเมอเร่ กลับมานอนบาหลี กลับกรุงเทพ ใช้เวลาอย่างน้อย 2 อาทิตย์ 

ที่ประเทศอินโดนีเซียเครื่องบินดีเลย์ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะอากาศแปรปรวนมาก ฝนตกหนัก พายุเข้า แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติ ต้องทำใจและทำให้คุ้นเคยกับการนอนพักแถวสนามบิน ชอบกินก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อที่สนามบินยามเครื่องดีเลย์ และทำให้มีเวลาเลือกซื้อเสื้อผ้าบาติก เคยติดเกาะนั่งมองทะเลเป็นเดือนเพราะอากาศไม่ดีเดินทางไม่ได้ เคยถามเขาว่าจะไปทางอื่นได้ไหม เขาชี้ไปที่เรือเดินทะเล แล้วบอกว่า เดือนนึงคงถึงบาหลี ตอนนั้นอินเตอร์เนตก็หายากหาที่ส่งได้วันละครั้งก็บุญแล้ว smart phone ก็ยังไม่ smart ทางกรุงเทพก็ห่วง โทรติดต่อก็ยาก แถมแพงอีกต่างหาก  

บาหลี Bali ตอนมาครั้งแรกไปแวะจากาต้าร์แล้วไปจายาปุระ แต่ไม่ค่อยชอบจากาตาร์เพราะเป็นเมืองใหญ่ ไปไหนมาไหนลำบาก เหมือนไม่ค่อยจะปลอดภัย พอลองมาต่อเครื่องที่บาหลีชอบมาก เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว ไปไหนมาไหนสะดวก คนพูดภาษาอังกฤษได้ เลยติดใจ แวะทุกครั้ง ต้องทนมองมองฉากโรแมนติกของคู่ฮันนีมูนรอบๆตัว มาคนเดียวอะ ชอบนอนใกล้ๆสนามบินที่เดนปาซาร์ (Denpasar) แถวหาดกูตา (Kuta beach) มีแหล่งช๊อปปิ้งคล้ายๆพัทยา ภูเก็ต 

ที่หาดกูตามีคนมาเล่นกระดานโต้คลื่นและนั่งพักผ่อนตามชายหาดเยอะมาก มีอาหารเป็นชุดมีข้าว ปลาหรือไก่ ผัก และ Sambai เครื่องจิ้มยอดฮิตของชาวอินโดนีเซีย แต่ละที่จะมีรสชาติที่ต่างกันเล็กน้อย มีแบบบรรจุขวดด้วย แต่ทำใหม่ๆอร่อยมาก แถมมักมีข้าวเกรียบหลากชนิดแถมให้กินกับข้าวฟรี อันนี้ชอบมากๆ   

เวลาไปนอนโรงแรมชอบน้ำตะไคร้และสบู่กลิ่นลีลาวดีมาก แต่ไม่ชอบหินประดับที่ออกแนวหลอนๆ


จายาปุระ Jayapura ฟังชื่อครั้งแรกนึกถึงเมืองในนิยาย เมืองนี้ตั้งอยู่บนเกาะปาปัว ก่อนจะไปเพื่อนบอกว่าระวังมนุษย์กินคนด้วยนะ ก็ไม่ได้กลัวนะ เพราะคิดว่าเขาคงอาศัยอยู่ในป่าลึก แต่วันนึงออกไปเดินเล่นคนเดียว เพื่อร่วมงานตามหากันใหญ่ แล้วบอกว่าทีหลังจะไปไหนบอก จะให้คนพาไป

ใช้เวลาเดินทางใช้เวลานานเพราะขาไปเครื่องบินเล่นทวนลม แต่พอถึงมองลงไปจากเครื่องเห็นเทือกเขาสวยงามมาก 

ยิ่งพอลงเครื่องต้องตกตะลึง คิดว่าฉันมาผิดทวีปรึเปล่า เพราะไม่เคยคิดเลยว่า หน้าตาคนอินโดนีเซียบนเกาะนี้หน้าตาจะเหมือนชาวแอฟริกัน ผู้คนอัธยาศัยดี คนที่เกาะนี่ส่วนใหญ่นับถือคริสต์ ตามถนนมีร้านขายหมาก มีคนจับกลุ่มนั่งเล่นไพ่ มีตลาดนัดที่ผักผลไม้ก็คล้ายคลึงบ้านเรา 

ยิ่งมาได้กิน ปลาทอด หรือไก่ทอด กับ เครื่องจิ้ม Sambal tomato (ที่ทำจาก พริกชี้ฟ้าสีแดง มะเขือเทศ กระเทียม กะปิ เกลือและใบโหระพา)  พอได้กลิ่นกะปิ น้ำตาจิไหลเพราะคิดถึงบ้านเรา พริกที่นี่จะเผ็ดแรงแต่หายเผ็ดเร็ว ก็มาคิดว่า โลกมันกลม การที่คนชอบเดินทางทำให้วัฒนธรรมและชาติพันธ์เลยมีความเกี่ยวพันกัน ละม้ายคล้ายคลึงกัน อาหารที่ชอบอีกอย่างคือ แกงเหมือนฉู่ฉี่บ้านเราเขาจะมีผักแนมมากินด้วย เช่นใบมะละกออ่อนลวกมีรสขมน้อยๆตัดกับความเผ็ดเข้ากันได้ดี เพื่อนยังเอามะละกอสุกมาทำน้ำมะละกอ แช่เย็น และได้กินทุกครั้งที่ไป ที่นี่ปกติเขากินข้าวด้วยมือ ก็เลยกินตามเขา ทำให้เพื่อนร่วมงานชาวจายาปุระประทับใจว่าเราก็กินข้าวด้วยมือเป็นเหมือนกัน 

ที่มีความประทับใจกับการทำงานพนักงานธนาคารที่เราต้องไปแลกเงินเป็นประจำเกือบทุกครั้งที่ไป เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ของเกาะนี้อ่านหนังสือไม่ออก เธอจะอ่านพร้อมทั้งเอานิ้วชี้ไปที่คำที่เธออ่านให้ลูกค้าดู บริการและอธิบายแต่ละคนนานมาก


เมาเมอเร่ Maumere เกาะนี้มีนักท่องเที่ยวฝรั่งมาดำน้ำมาก แต่รายได้หลักเป็นการส่งอาหารทะเลไปขายนักท่องเที่ยวที่บาหลี มีอยู่ครั้งนึงติดอยู่ที่เกาะนี้นานหลายวันเพราะเครื่องเต็ม ต้องใช้เส้นเพื่อนขอไปแทนปลาซักลัง 2 ลัง จึงได้กลับบ้าน 

ที่พักที่อยู่อยู่ริมหาด  มีข้าวไข่เจียวและข้าวผัดเป็นอาหารหลัก คลื่นที่นี่บางครั้งแรง และใหญ่จริงๆ

หญิงชาวเมาเมอเร่สวมผ้าทอมือที่ส่วนใหญ่ทำเอง ด้วยสีที่มาจากเปลือกไม้ธรรมชาติ มีความทนทานยิ่งเก่ายิ่งสวย  วิธีการนุ่งก็ไม่เหมือนบ้านเรา 

คนที่นี้จะใช้งาช้างมาสู่ขอ แต่เนื่องจากงาช้างแพงมาก บางทีก็เช่า งาช้างที่นี่จะเป็นสีดำเพราะเก่าเป็นร้อยๆปี

เวลาฝนตกตกหนักมากจริงๆ หนักจนฝรั่งที่มาด้วยถามว่าไม่กลัวเหรอ ตอบว่า มาถึงนี่แล้ว จะกลัวอะไร อยู่ที่ไหนถ้าถึงเวลาตายก็ตายคงหนีไม่พ้น

วันสุดท้ายก่อนลาจากเพื่อนบอกว่า รู้ไหมว่าใต้ทะเลที่นี่ยังมีภูเขาไฟที่คุอยู่ และเกาะนี้เคยมีสึนามิล้างเกาะเมื่อปี 1992 ตอนนั้นเขาเป็นเด็กกำลังเล่นน้ำอยู่ รอดมาได้ แล้วเพิ่งจะมาบอก ถึงว่าสงสัยอยู่ว่าบางครั้งคลื่นแรงมาก

ประเทศนี้มีแผ่นดินไหว สึนามิ ภูเขาไฟระเบิด เป็นประจำ วิธีการเตือนคนในประเทศให้รู้มักทำโดยการส่งข่าวทางโทรทัศน์เป็นตัววิ่ง คงเพราะเกิดภัยธรรมชาติบ่อยและวันหยุดเยอะคนของประเทศนี้จึงไม่ค่อยจะเร่งรีบอะไร ค่อยๆทำงานไป เช่น เห็นเขาทำตึกในโรงพยาบาล และก็สระว่ายน้ำที่รีสอร์ทที่พักไปกี่ครั้งๆก็เหมือนเดิม ค่อยๆทำไปเรื่อยๆจริงๆ การเจรจาต่อรองก็ไม่เคยได้คำตอบสุดท้ายออกมา 

ละครทีวีที่นี่ถึงฟังไม่ออกก็รู้ว่า ใครเป็นตัวร้าย ตัวดี แต่งหน้าจัด ทั้งสวยทั้งหล่อ แสดงออกทางหน้าตาชัดมาก เกมโชวร์ก็ตลกดี

อาหารการกิน ผลหมากรากไม้บ้านเขาก็คล้ายๆบ้านเรา มี เช่น ทุเรียน มะพร้าว มะม่วง เงาะ ลองกอง กล้วย แต่รสชาติสู้บ้านเราไม่ได้เลย แต่ชอบสละเขากรอบหวานอร่อยมากแต่ก็สู้สละสุมาลีบ้านเราไม่ได้ เขามี Coffee cola แล้วก็น้ำที่ทำจากผลไม้ชื่อ Srisak แบบกระป๋องอร่อยดี กินแล้วสดชื่น เขาชื่นชอบพันธ์ไม้บ้านเรา เช่น บอนสี ของที่ได้ติดไม้ติดมือกับมาเป็นที่ระลึกก็เป็นเครื่องประดับที่ทำจากเงิน ทอง ไม้ และผ้าบาติก ไข่มุกก็มีแต่ของดีก็จะแพงมาก 

ผู้คน ธรรมชาติ อาหาร วัฒนธรรมของประเทศอินโดนีเซียที่พบมาเป็นสิ่งที่ต้องจารึกจดจำไม่มีวันลืม

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

Prepare for a Trip การเตรียมตัวเดินทางไปต่างประเทศ

การเตรียมตัวเดินทางไปต่างประเทศ Prepare for a Trip

หากได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะไปประชุม ไปทำงาน หรือไปพักผ่อนก็ถือได้ว่าเป็นกำไรของชีวิต ต้องกอบโกยประสบการณ์ให้มากที่สุดในเวลาสั้นๆ โดยส่วนตัวมีความตั้งใจลึกๆว่า จะพยายามหาทางออกนอกประเทศอย่างน้อยปีละครั้ง หากยังทำมาหากินมีรายได้เพราะเป็นการเปิดหูเปิดตา รวมทั้งชอบไปซื้อของใช้ส่วนตัว พวกเครื่องสำอางเพราะสมัยก่อนเครื่องสำอางดีๆในประเทศจะแพงมาก ปีไหนที่ไม่ได้ออกต่างประเทศก็เพราะติดภาระกิจการงานและเรียนหนังสือ

ส่วนมากการไปเที่ยวต่างประเทศมักจะไปกับทัวร์ เพราะสะดวกปลอดภัย ไม่ต้องคิดวางแผนเยอะ ได้ไปตามแหล่งท่องเที่ยวของประเทศนั้นๆ สามารถคำนวณค่าใช้จ่ายได้ค่อนข้างแน่นอนไม่บานปลาย อาจมีข้อเสียตรงที่ทัวร์มักจะพาเข้าไปซื้อของ เท่าที่เจอมาก็เป็นทุกทัวร์ไม่ว่าเที่ยวจีน ไต้หวัน ยุโรป หรือถูกขอร้องแกมบังคับให้ถ่ายรูป เช่นที่เกาหลี ข้อสังเกตก็คือไปมาก็หลายทัวร์ยังไม่เคยเจอไกด์หรือลูกทัวร์ซ้ำหน้าเลย

หากต้องไปต่างประเทศด้วยตัวเองต้องมีแผนการเดินทางที่แน่นอน ต้องรับผิดชอบตัวเองและรักษาเวลาเดินทาง หากมีเพื่อนไปด้วยก็แบบหนึ่ง ไปคนเดียวก็แบบหนึ่ง

การทำแผนการเดินทางหากต้องไปคนเดียว ต้องรู้วัตถุประสงค์ที่เราจะไปว่าจะไปทำอะไร เช่น ไปประชุม ไปจัดประชุม หรือไปตรวจเยี่ยม จัดเรียงภารกิจให้ครบถ้วนอาจทำเป็นchecklistจะได้ไม่ลืมทั้งของที่ต้องเอาไปและงานที่ต้องทำ ต้องไปพบใครบ้างต้องนัดหมายเขาให้เรียบร้อยว่าเขาจะอยู่ไหมหากเราจะไปพบ ไม่ใช่ไปแล้วเขาไม่อยู่จะทำให้เสียเวลามาก ก่อนจะเดินทางจริงก็ต้องconfirmกับเขาให้เป็นมั่นเหมาะ จองโรงแรม ซื้อตั๋วเครื่องบิน ให้เรียบร้อย โรงแรมควรเลือกที่เดินทางได้สะดวกเช่นใกล้รถไฟใต้ดิน หรือรถสาธารณะ ดูพยากรณ์อากาศด้วยว่า อากาศร้อนหรือหนาว จะได้เตรียมเสื้อผ้าไปถูก

ของในกระเป๋าเดินทาง ตรวจสอบน้ำหนักกระเป๋าว่าโหลดได้กี่กิโล ถ้าน้ำหนักเกินต้องเสียตังเพิ่ม หารองเท้าที่เดินสบายๆ เสื้อผ้าใช้แบบไม่ต้องรีดม้วนได้จะ ดีมากเพราะน้ำหนักเบา ไม่เปลืองเนื้อที่ โรงแรม มักจะมีสบู่อาบน้ำ แชมพูสระผม ผ้าเช็ดตัวไว้ให้แล้วในห้องพัก

ชุดใส่นอนอาจใช้ 1 ชุด ใส่ซัก 3 วัน

ชุดชั้นใน จัดตามจำนวนวันที่ไป + 2 ชุดเผื่อฉุกเฉิน เป็นคนไม่ชอบซักตากชุดชั้นในระหว่างเดินทาง

เสื้อผ้าที่เตรียมไปควรหาแบบไม่ต้องรีด สะบัดทีเดียวก็ใส่ได้ เบา ม้วนแล้วเล็กไม่กินที่ในกะเป๋า

ถ้าไปประชุมก็หาชุดที่เรียบร้อย มีเสื้อทับ อย่าให้มีสีฉูดฉาด น่าจะเป็นสีดำ น้ำตาล หรือกรมท่า ฝรั่งชอบใส่โทนนี้ จะได้ไม่ดูโดดเด่นในงาน

ถ้าไปเที่ยวก็เตรียมชุดสวยๆไว้ใส่ถ่ายรูป ปกติชอบใส่เสื้อหลายๆชั้นถอดเข้าถอดออกได้ตามความหนาว มีเสื้อยืดแขนสั้นแนบตัวอยู่ในสุด ชั้นต่อมาเป็นเสื้อแขนยาว ตามด้วยสเวตเตอร์ และเสื้อแจ็คเก็ต หรือเสิ้อโค้ทตามความหนาวของอากาศ ถ้าหนาวมากพอใส่ชุดชั้นในเสร็จอาจหาถุงน่องหนาๆใส่ไว้ในสุดอุ่นดี

เครื่องใช้อาบน้ำ ผ้าเช็ดตัว แชมพู สบู่ (ปกติโรงแรมจะมีให้แล้ว แต่บางทีไม่ถูกใจ) ยาสีฟัน แปรงสีฟัน โรลออน เครื่องประทินโฉมสำหรับสาวๆ เช่น แป้ง ลิปสติก ที่ทาแก้ม ทาตา น้ำหอม ครีมต่างๆ เช่น ครีมบำรุงผิวและกันแดด ถ้าไปนานอย่าลืมกรรไกรตัดเล็บด้วย

ถุงพลาสติกใส่เสื้อผ้าใช้แล้ว 

แก็ตแจ็ตต่างๆ เช่น Headphones, Chargers, Power Bank, ปลั๊กพ่วงต้องดูตามประเทศที่ไปว่าเขาใช้แบบไหน หรือซื้อ universal travel adapter ใช้ได้ทั่วโลก, ไม้เซลฟี่

ถ้าไปทำงานเอกสารต้องดูเยอะอย่าลืม โนต๊บุ๊คหรือพวกipad

อย่าลืมติดเครื่องเขียนไปด้วยเช่น ปากกา ดินสอ ไฮไลท์ ไม้บรรทัด สมุดโน้ต Post-it Paper-clip 

เอกสารจำเป็นที่ต้องใช้ทำงาน

ของในกระเป๋าสะพายขึ้นเครื่อง พาสปอร์ต (ห้ามลืมและห้ามทำหายเด็ดขาดบัตรประจำตัวประชาชน ตั๋วเครื่องบิน กระเป๋าตังมีเงินสกุลประเทศที่ไปเล็กน้อยไว้ซื้อของกินให้ทิป บัตรเครดิต โน้ตบุ๊คถ้าต้องไปทำงาน โทรศัพท์มือถือ อย่าลืมเอาสายชาร์ทและpower bankไปด้วย  ยาประจำตัวและยาที่จำเป็นเช่นยาแก้ไข้ ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้เวียนศีรษะ เครื่องสำอางแบบพกพาไว้แต่งหน้า ถุงผ้า ขวดเปล่าไว้ใส่น้ำกิน หมวก ผ้าพันคอ แว่นตา หวี กระดาษทิชชูเปียกและแห้ง ถ้าเดินทางหลายชั่วโมงก็อาจพกยาสีฟันแปรงสีฟันแบบพกพาด้วยเพราะการระบาดของโรคCOVID-19 อย่าลืมหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์แบบพกพา

อย่าลืมหารองเท้าที่ใส่เดินสบายๆเท่านี้เราก็ไปเที่ยวกันได้แล้วนะคะ

 


บทความใหม่

ชุดตรวจโรคด้วยตัวเองที่บ้าน Home Use Test

ชุดตรวจโรคด้วยตัวเองที่บ้าน Home Use Test ปัจจุบันนี้ชุดตรวจโรคด้วยตัวเองที่บ้านมีใช้กันอย่างแพร่หลาย สามารถอำนวยความสะดวกให้เราได้ตรวจโรค...

บทความแนะนำ