การบริหารจัดการโครงการวิจัย (Study Management) 2
การดำเนินการวิจัยให้ตรงตามที่กำหนดไว้ในโครงร่างการวิจัย เพื่อให้ผลงานวิจัยที่ได้มีคุณภาพ ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือ ถูกต้องตามหลักสากลด้านจริยธรรมและการปฏิบัติวิจัยที่ดี โดยคำนึงถึง ความปลอดภัย ความเป็นอยู่ที่ดีเคารพในสิทธิศักดิ์ศรีของอาสาสมัคร สามารถแบ่งได้เป็น 3 ระยะ
การดำเนินการวิจัยให้ตรงตามที่กำหนดไว้ในโครงร่างการวิจัย เพื่อให้ผลงานวิจัยที่ได้มีคุณภาพ ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือ ถูกต้องตามหลักสากลด้านจริยธรรมและการปฏิบัติวิจัยที่ดี โดยคำนึงถึง ความปลอดภัย ความเป็นอยู่ที่ดีเคารพในสิทธิศักดิ์ศรีของอาสาสมัคร สามารถแบ่งได้เป็น 3 ระยะ
การบริหารจัดการโครงการวิจัยระยะเตรียมการ (Study Preparation Period)
การบริหารจัดการโครงการวิจัยระยะดำเนินการ (Study Implementation Period)
การบริหารจัดการโครงการวิจัยระยะปิดโครงการ (Study Close-out Period)
ระยะที่ 1 การเตรียมการ (Study Preparation Period)
ดังที่กล่าวมาแล้วในบทที่ผ่านมา ว่า
การวิจัยทางคลินิกมีหลายแบบ
แต่ที่จะอธิบายต่อไปจะเป็นการวิจัยทางคลินิกที่เรียกว่า Investigational New Drug (IND) ซึ่งเป็นการวิจัยผลิตภัณฑ์ยาใหม่หรือวัคซีนชนิดใหม่ ที่ยังไม่มีขาย
ทางบริษัทยาต้องการทำการวิจัย นำข้อมูลที่ได้ที่แสดงว่ายามีประสิทธิภาพในการรักษาและปลอดภัยต่อผู้ใช้
เสนอขอขึ้นทะเบียนยากับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (Food and Drug Administration: FDA) ของประเทศต่างๆโดยเฉพาะ USFDA ทำให้การวิจัยทางคลินิกแบบIND
ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบต่างๆอย่างเข้มงวด เมื่อผลิตภัณฑ์ยาหรือวัคซีนมีการพัฒนามาจนถึงการวิจัยในคน
ทางบริษัทยาจะจัดทำ โครงร่างการวิจัย
เอกสารขอความยินยอมและคู่มือผู้วิจัย (Investigator’s Brochure-IB เอกสารข้อมูลการวิจัยยาที่ผ่านมา) แล้วเสาะหาผู้วิจัยที่เหมาะสมมาทำวิจัย
ผู้ให้ทุนจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้วิจัยคนใดเหมาะสม
โดยทั่วไปบริษัทยาหรือสถาบันวิจัยที่มีการทำวิจัยมานานามักมีฐานข้อมูลรายชื่อผู้วิจัย
บางครั้งได้ผู้วิจัยจากการพบปะผู้เชี่ยวชาญที่เข้าร่วมงานประชุมนานาชาติในเรื่องโรคนั้นๆ
จากบทความที่ผู้วิจัยเขียนและตีพิมพ์
สอบถามจากกระทรวงสาธารณสุขหรือมหาวิทยาลัยแพทย์ เป็นต้น ผู้ให้ทุนจะทาบทามและส่งโครงร่างการวิจัยมาให้ผู้วิจัยอ่าน
ผู้วิจัยต้องอ่าน ทบทวน รายละเอียด ในโครงร่างการวิจัยและคู่มือวิจัยที่ผู้ให้ทุนส่งมาให้และประเมินโครงร่างการวิจัย
และคู่มือวิจัย บางครั้งผู้ให้ทุนอาจจะเชิญผู้วิจัยไปร่วมประชุม
Investigator Meeting เพื่อพบปะพูดคุยระหว่างผู้ให้ทุนกับผู้วิจัยทั้งหมดที่ร่วมในโครงการวิจัย
เมื่อผู้วิจัยสนใจที่จะทำวิจัย ใช่ว่าผู้ให้ทุนจะตอบตกลงด้วยทันที ผู้ให้ทุนจะติดต่อขอมาเยี่ยมประเมินสถานที่วิจัย (Site
Assessment Visit) เพื่อทำความรู้จักและประเมินทีมวิจัยและสถานที่วิจัย
เมื่อผู้ให้ทุนและผู้วิจัยตกลงร่วมทำวิจัย (Clinical Trial Agreement) ผู้วิจัยลงนามในใบลงนามสำหรับผู้วิจัย (Protocol Signature
Page/Protocol Agreement Page) ซึ่งจะเป็นการยืนยันว่าผู้วิจัยจะปฏิบัติตามโครงร่างการวิจัยฉบับที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัย
(ECs/IRBs) และกฎระเบียบต่างๆที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ผู้วิจัยทำแบบฟอร์ม FDA 1572 ให้ USFDA เพื่อยืนยันว่า ผู้วิจัยจะปฏิบัติตามโครงร่างการวิจัยและกฎระเบียบต่างๆ และ
แบบฟอร์มการเปิดเผยข้อมูลการเงิน (Financial disclosure form) เพื่อเป็นการแสดงข้อมูลทางการเงินซึ่งอาจก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนกับการทำวิจัย
ผู้วิจัยต้องให้ข้อมูลกับผู้ให้ทุนว่าต้องยื่นเสนอโครงร่างการวิจัยกับ
ECs/IRBsไหนบ้าง ใช้เอกสารอะไรบ้าง ECs/IRBsมีกำหนดการประชุมอย่างไร
ควรใช้เวลาเท่าไหร่จึงจะได้รับการอนุมัติ
ผู้ให้ทุนจะส่งเอกสารที่ผู้วิจัยต้องยื่นเอกสารกับECs/IRBs มาให้ผู้วิจัย ได้แก่ โครงร่างการวิจัย
เอกสารขอความยินยอม คู่มือวิจัย แบบบันทึกข้อมูล
(Case Report Form-CRF) และอื่นๆ ผู้วิจัยอาจต้องจัดเตรียมเอกสารอื่นๆเพิ่มเติมตามความเหมาะสม
เช่น ข้อความ/ใบประกาศประชาสัมพันธ์โครงการ เอกสารที่คิดว่าต้องให้อาสาสมัคร
เหล่านี้เพื่อยื่นเสนอECs/IRBsให้อนุมัติให้ทำวิจัยได้
หากยังไม่ได้อนุมัติจาก
ECs/IRBs ห้ามมิให้ทำกิจกรรมวิจัยใดๆทั้งสิ้น รวมทั้งการประชาสัมพันธ์โครงการ
ในปัจจุบันผู้ให้ทุนมักทำวิจัยแบบหลายสถานที่วิจัยพร้อมๆกันหมายถึงใครอนุมัติก่อนก็เริ่มรับอาสาสมัครไปได้เลย
และเมื่อได้จำนวนอาสาสมัครครบก็ปิดโครงการได้ ดังนั้นสถานที่วิจัยไหนได้รับอนุมัติช้าอาจไม่ได้ทำวิจัยเพราะจำนวนอาสาสมัครที่ได้จากทุกสถานที่วิจัยนับรวมกันได้ครบแล้ว
ถ้าจะเริ่มโครงการวิจัยได้ อย่างน้อยต้องมี
·
ผู้วิจัยหลัก (Principal
investigator)
·
ผู้ประสานงานวิจัย (Clinical
Research Coordinator) ซึ่งบางครั้งจะทำหน้าที่เป็นพยาบาลวิจัยด้วย
·
อุปกรณ์สื่อสาร Telephone & fax, Internet>email scanner
·
ที่เก็บเอกสารและสิ่งของต่างๆที่ใช้ในการวิจัย
ต้องปลอดภัยมีกุญแจล็อค
·
เจ้าหน้าที่ที่จำเป็น
ได้แก่ เภสัช เจ้าหน้าที่Lab เป็นต้น
ในระหว่างที่โครงการยังไม่ได้รับการอนุมัติ
ผู้วิจัยควรเตรียมจัดทำแฟ้มเอกสารสำคัญ มาตรฐานการปฏิบัติงาน (ร่าง) แบบฟอร์มและเครื่องมือต่างๆที่ไม่ต้องยื่นเสนอกับ ECs/IRBs เตรียมการจัดการผลิตภัณฑ์วิจัย การเก็บตัวอย่างวิจัย เป็นต้น เตรียมการนำเข้าผลิตภัณฑ์วิจัยและวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในกิจกรรมวิจัยให้พร้อม
เริ่มมอบหมายงานแก่ทีมวิจัย เตรียมการอบรมทีมวิจัย วางแผนสรรหาอาสาสมัคร
ระยะที่ 2 การดำเนินการวิจัย (Study
Implementation Period)
การวิจัยจะเริ่มได้ต้อง
·
ได้รับจดหมายอนุมัติจากคณะกรรมจริยธรรม
·
ได้รับอนุมัติจากผู้ให้ทุน
ให้คัดกรองอาสาสมัครคนแรกได้แล้วเมื่อ
o
เสร็จสิ้นการอบรม/ประชุม เพื่อเริ่มดำเนินการวิจัย (Site Initiation
Meeting)
o
ผลิตภัณฑ์วิจัย พัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในกิจกรรมวิจัย
และ แบบบันทึกข้อมูล (Case
Report Form: CRF) อยู่ที่สถานที่วิจัยเรียบร้อยแล้ว
·
ลงทะเบียนการวิจัยใน clinicaltrial.gov
จึงสามารถเริ่มประกาศรับอาสาสมัคร โดยใช้เอกสาร/สื่อประชาสัมพันธ์ที่ผ่านการอนุมัติจาก ECs/IRBs
เมื่อมีผู้สนใจจึงติดต่อและนัดผู้สนใจเข้าร่วมโครงการมาคุยรายละเอียดโครงการ
ในวันนัดคัดกรอง (Screening Visit) ทำกระบวนการขอความยินยอมและลงนามเอกสารขอความยินยอมโดยอาสาสมัคร ผู้วิจัย และพยาน (หากจำเป็น) แล้วจึงเริ่มทำกิจกรรมวิจัยได้
โดยเช็คคุณสมบัติของอาสาสมัครว่าสามารถเข้าร่วมโครงการได้ สุ่มตัวอย่าง และจ่ายผลิตภัณฑ์วิจัย
เก็บข้อมูลวิจัยและตอบคำถาม/ข้อสงสัย (Queries) ของแบบบันทึกข้อมูลผู้ป่วยให้ชัดเจนในเวลาที่กำหนด
ในระหว่างที่ยังรับอาสาสมัครไม่ครบ การวิจัยยังดำเนินอยู่ ผู้วิจัยต้อง
·
การจัดการเอกสารวิจัย
เก็บรักษาและปรับปรุงเอกสารสำคัญ หากจำเป็นก็ต้องยื่นต่อ ECs/IRBs
·
จัดการเรื่องผลิตภัณฑ์วิจัย
เช่น ทำบัญชีรับ-จ่าย จัดเก็บตามข้อกำหนด
·
จัดการตัวอย่างที่เก็บจากอาสาสมัคร
การทดสอบ รายงานผล ทางห้องปฏิบัติการ
·
ดูแลเรื่องความปลอดภัยของอาสาสมัคร
และ
รายงาน ECs/IRBs ผู้ให้ทุน หน่วยควบคุมกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
·
รายงานการเบี่ยงเบนไปจากโครงร่างการหรือการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดใดๆ บันทึกอธิบายเหตุการณ์ ความรุนแรง การแก้ไข การป้องกัน ต่อ ECs/IRBs ผู้ให้ทุน หน่วยควบคุมกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ระยะสุดท้าย คือระยะปิดโครงการ (Study Close-out)
เมื่อการทำกิจกรรมวิจัยกับอาสาสมัครเสร็จสิ้นลงทุกสถานที่วิจัยที่ร่วมโครงการ
ผู้ให้ทุนวิจัยจะแจ้งปิดโครงการกับผู้วิจัยหลัก
·
อาสาสมัครคนสุดท้ายจบกิจกรรมวิจัยในการนัดครั้งสุดท้าย
·
ข้อมูลเสร็จสิ้นสมบูรณ์ รวมทั้งการแก้ไขและการตอบข้อสงสัย
·
CRA จะส่งจดหมายนัดปิดโครงการวิจัย เพื่อ
o
ตรวจนับ ส่งคืนหรือทำลายผลิตภัณฑ์วิจัย
o
เก็บรักษาเอกสารวิจัย
·
ผู้วิจัยแจ้งปิดโครงการ
ณ สถานที่วิจัยต่อผู้ให้ทุน
·
ส่งรายงานฉบับสมบูรณ์
(Final
report) แก่ ECs/IRBs และหน่วยงานควบคุมระเบียบกฎหมาย
·
ดำเนินการวิเคราะห์ทางสถิติ
และจัดเตรียมรายงานผลการวิจัย ตีพิมพ์เผยแพร่ผลการวิจัยสู่สาธารณชน
โดยหลักการแล้วการดำเนินการวิจัยมีหลักในการทำคล้ายๆกัน
แต่จะมีรายละเอียดแตกต่างกันเล็กน้อย ขึ้นกับระดับความเสี่ยงของการวิจัย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย
เช่น หากเป็นการวิจัยในเด็กต้องมีความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เป็นต้น ผู้ให้ทุน/CRO ที่มาดูแลการวิจัยนั้นๆ
ประเทศที่ต้องการไปขึ้นทะเบียนยา และเรื่องอื่นๆ
ในการทำงานหากผู้วิจัยมีข้อสงสัยควรติดต่อโดยตรงกับ
CRA/ผู้ให้ทุน เพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจน ถูกต้อง