ผลประโยชน์ทับซ้อนในการวิจัยในคน กรณี เจสซี เกลซิงเกอร์ (Jesse Gelsinger)
เมื่อมีอายุได้ 2 ปี เจสซี
เกลซิงเกอร์ พบว่าเป็นโรคพันธุกรรมเมตาบอลิก
ที่มีภาวะขาดออร์นิธีน ทรานสคาร์บามิลเลส [Ornithine
transcarbamylase (OTC) deficiency] ในระดับปานกลางมาแต่กำเนิด ถึงแม้จะเป็นโรคหายาก
(Rare diseases) แต่ทารกส่วนใหญ่ที่มีภาวะนี้จะเป็นแบบรุนแรงและมักเสียชีวิตตั้งแต่แรกเกิด เพราะออร์นิธีน
ทรานสคาร์บามิลเลสเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและกำจัดสารพิษออกจากตับ
อย่างไรก็ตาม เจสซี
เกลซิงเกอร์มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนน้อย
และกินยาอีกประมาณ 50 เม็ดต่อวัน จนกระทั่งในปี 1999 เมื่อเจสซี
เกลซิงเกอร์ อายุ 18 ปี เขาได้ถูกชักชวนให้เข้าร่วมโครงการวิจัยยีนบำบัด
(Gene therapy) ที่สถาบันยีนบำบัดในคน (Institute
of Human Gene Therapy: IHGT) มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย โดยการฉีด Adenovirus ที่เป็นพาหะ
(Vector) นำยีนส์ OTC ปกติเข้าสู่ร่างกาย
ทั้งนี้เพราะได้รับการชี้นำว่า โครงการวิจัยนี้มีความเสี่ยงน้อย ความรู้ที่ได้จะนำไปพัฒนาการรักษาสำหรับทารกที่เกิดมามีภาวะนี้ เขาและพ่อไม่ได้รับข้อมูลการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ในลิงและอาสาสมัครที่เข้าโครงการมาก่อนหน้านี้ และมีเพียงข้อความเล็กๆในเอกสารแนะนำที่มีถึง 11 หน้าว่า ดร.วิลสันผู้อำนวยการ IHGT, IHGT และมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียจะได้รับผลประโยชน์เมื่อการวิจัยสำเร็จ ซึ่งเจสซี เกลซิงเกอร์และพ่อไม่เข้าใจกับคำว่า ผลประโยชน์ คืออะไร หรือมันอาจจะเป็นเงินหลายๆล้านดอลล่าห์
หลังจากเข้าร่วมโครงการและฉีดยีนส์เพื่อการบำบัดได้
4 วัน เจสซี เกลซิงเกอร์เสียชีวิต
และเรื่องราวของเขาได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณชน
กลายเป็นคดีจริยธรรมวิจัยที่เกิดจากการมีผลประโยชน์ทับซ้อนที่โด่งดังในสหรัฐอเมริกา มีบันทึกจดหมายเตือนของ US
FDA ฉบับวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 2000 และ 30 กรกฎาคม ค.ศ. 2000
สรุปได้ว่า
US FDA ได้ทำการสอบสวนและพบว่า ดร.เจมส์ วิลสันผู้อำนวยการสถาบันยีนบำบัดในคน สถาบันยีนบำบัดในคนและมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียอยู่ในฐานะผู้ให้ทุนและผู้วิจัยที่ต้องรับผิดชอบให้การวิจัยดำเนินการตามมาตรฐาน
ได้ละเมิดกฎระเบียบและมีความบกพร่องในหน้าที่ได้แก่
สถาบันยีนบำบัดในคนบกพร่องในการจัดการด้านสิ่งอำนวยความสะดวกในการดำเนินการวิจัย
ได้แก่
- ผู้อำนวยการมีความบกพร่องในหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นทั้งผู้ให้ทุนและผู้วิจัยร่วม
- ไม่มีหน่วยประกันคุณภาพที่มีประสิทธิภาพพอที่จะตรวจสอบความบกพร่องของผู้วิจัย
- ดำเนินการทดลองอย่างไม่เหมาะสม
- ขาดการอบรมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ในทีมวิจัยในเรื่องหน้าที่และความรับผิดชอบดังจะเห็นได้จากการเกิดการเบี่ยงเบนโครงร่างการวิจัย
- ขาดการแก้ไขการเบี่ยงเบนโครงร่างการวิจัยและไม่ส่งรายงานบันทึกการแก้ไขในกรอบเวลาที่กำหนด
ในฐานะผู้ให้ทุน ผู้อำนวยการและสถาบันยีนบำบัดในคน มีความบกพร่องหน้าที่ความรับผิดชอบ
ได้แก่ ขาดมาตรฐานการปฏิบัติงานสำหรับดำเนินการวิจัยทางคลินิก ไม่ได้ให้ข้อมูลที่จำเป็นในการทำวิจัยที่เหมาะสมกับผู้วิจัย
บกพร่องในการกำกับดูแลการทำวิจัยและการเลือกสรรผู้ทำหน้าที่นี้
ในฐานะผู้วิจัย โครงการวิจัยมีความบกพร่องร้ายแรง
ได้แก่
· รับอาสาสมัครที่มีคุณสมบัติไม่ตรงเกณฑ์คัดเข้าและคัดออกเข้าร่วมโครงการ
เช่น
รับเจสซี
เกลซิงเกอร์เข้ามาแทนคนที่หลุดออกจากโครงการ
ทั้งๆที่มีค่าแอมโมเนียสูงซึ่งเป็นเกณฑ์คัดออก
· ดำเนินการวิจัยไม่สอดคล้องกับโครงร่างการวิจัยฉบับอนุมัติ
· ไม่ได้รายงานการแก้ไขโครงร่างการวิจัยต่อ
FDA ก่อนดำเนินการวิจัย ตัวอย่างเช่น มีการเกณฑ์คัดกรองอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการ
โดย เปลี่ยนเกณฑ์คัดเข้าจาก Serum ammonia น้อยกว่า 50
ไมโครโมลา (ในฉบับที่ 1) เป็น น้อยกว่า
70 ไมโครโมลา (ในฉบับต่อๆมา)
·
ไม่มีรายงานว่าเกิดผลข้างเคียงร้ายแรงกับผู้ป่วย
2 รายจากการทำยีนบำบัด
·
ไม่มีรายงานการตายของลิงหลายตัวในการทำยีนบำบัดแบบนี้ใน
IND
safety report และ
เอกสารแนะนำอาสาสมัคร
·
ไม่มีการแก้ไขเอกสารแนะนำอาสาสมัครและใบยินยอมตามที่
US
FDA ร้องขอ
·
บกพร่องในการจัดเก็บข้อมูลและตัวอย่างทีใช้ในการวิจัย
·
ไม่มีมาตรฐานการปฏิบัติงาน
US FDA ให้ยุติการวิจัยทั้งหมด ที่ สถาบันยีนบำบัดในคน
มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย
พ่อของเจสซี
เกลซิงเกอร์ ฟ้องร้องผู้วิจัย
เพราะผู้วิจัยไม่ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวกับความเสี่ยงแก่เขาและเจสซี เกลซิงเกอร์
การวิจัยทางคลินิกนี้ทำให้เด็กชายวัยรุ่นที่มีสุขภาพดี
สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยการควบคุมอาหารและการรับประทานยา และไม่มีความจำเป็นที่ต้องได้รับยีนบำบัดในการควบคุมโรคของเขา
ดร.เจมส์ วิลสันผู้อำนวยการสถาบัน
ซึ่งมีหุ้นอยู่ในบริษัทไบโอเทคโนโลยี่และจะได้รับผลประโยชน์จากผลสำเร็จในการวิจัยนี้โดยจะได้รายได้จากการนำยีนบำบัดไปรักษากับผู้ป่วยรายอื่นๆ
หรือขายวิธีการนี้แก่ผู้วิจัยรายอื่น ดังนั้น ดร.เจมส์ วิลสัน เป็นผู้รับผิดชอบในฐานะผู้ให้ทุนและเป็นผู้วิจัยร่วม
มีผลประโยชน์ทับซ้อนจนเกิดความบกพร่องในการทำวิจัยอาสาสมัครได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต
ถูกลงโทษห้ามทำการวิจัย 5 ปี มหาวิทยาลัยจ่ายเงินชดใช้แก่ผู้ปกครองของเจสซี เกลซิงเกอร์ห้าหมื่นดอลล่าห์
และเขียนบทความเผยแพร่ข้อผิดพลาดจากการวิจัย เรื่อง “Lessons learned from the gene therapy trial for
ornithine transcarbamylase deficiency” ตีพิมพ์ใน Molecular
Genetics and Metabolism 96 (2009) หน้าที่ 151–157
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น