การวิจัยในภาวะวิกฤตการณ์ (Emergency Research)
เป็นความต้องการ การบริการ การดูแลสุขภาพ
แบบเร่งด่วนในภาวะวิกฤตการณ์ เพื่อตอบสนองภาวะภัยพิบัติ การระบาดของโรคติดต่อ
การโจมตีด้านชีวะวัตถุและเหตุการณ์แผ่นดินไหว หรืออื่นๆ
การระบาดของโรคติดต่อ ได้แก่ COVID-19, H5N1
influenza, SAES, Ebola virus disease เป็นต้น
ความท้าทายในการเผชิญหน้ากับการระบาดของโรค
ความขัดแย้งระหว่างการทำวิจัยเพื่อต้องการความรู้สำหรับการรักษาผู้ป่วยในอนาคตและการดูแลรักษาผู้ป่วยปัจจุบัน
ในขณะที่มีการระบาดของโรคเกิดขึ้น
การวิจัยในภาวะวิกฤตการณ์เป็นเรื่องที่ต้องทำก่อนที่การระบาดจะยุติและเป็นโอกาสที่จะได้ทดสอบวิธีการใหม่ๆก่อนที่จะเสียโอกาสไป
ต้องพยายามทำให้รวดเร็วและกำหนดวิธีการทดสอบเพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยให้ชัดเจน
เพื่อจะทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากที่เป็นขณะที่โรคมีการระบาดเข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
และแม้ว่าเป็นการทดสอบนั้นยังมิได้มีการพิสูจน์ยืนยันว่าใช้ได้
แต่ก็เป็นวิธีการที่อาจสามารถช่วยชีวิตในเวลาที่เกิดภาวะวิกฤติด้านสาธารณสุขที่สำคัญ
การวิจัยในภาวะวิกฤตการณ์จำเป็นต้องมีการสอดประสานการดำเนินการด้านจริยธรรมและกฎระเบียบเพิ่มลดความล่าช้าในกระบวนการพิจารณา
·
การพิจารณาการวิจัยโดยทั่วไปอาจต้องใช้เวลาหลายเดือน ซึ่งอาจช้าเกินไปไม่ทันต่อเหตุการณ์
สำหรับการวิจัยในภาวะวิกฤตการณ์ ตัวอย่างเช่น เมื่อมีการระบาดของโรคโควิด-19
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศสหรัฐ (USFDA๗ ใช้เวลาในการพิจารณาโครงร่างการวิจัยโรคโควิด-19ภายใน
24 ชั่วโมง หรือใช้เวลาเพียง 3
ชั่วโมงในการพิจารณาการร้องขอใช้ยาวิจัยเพื่อรักษาผู้ป่วยเป็นรายกรณี(Compassionate
use หรือ Emergency use exemption)
·
ถึงแม้จะพิจารณาแบบเร่งด่วน แต่ยังคงต้องพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนเหมือนเดิม
·
ยังคงจำเป็นต้องให้ชุมชนได้มีส่วนเกี่ยวข้องในโครงการวิจัยเพื่อลดการตีตรา
(Stigma)
ความไม่สมัครใจ และลดการต่อต้านโครงการวิจัย
หลักสำคัญด้านวิทยาศาสตร์และจริยธรรมของการวิจัยในภาวะวิกฤตการณ์ที่มีการระบาดโรค
·
การดำเนินการด้านจริยธรรมเพื่อหลีกเลี่ยงการแสวงหาประโยชน์
o
การเคารพในอาสาสมัคร
o
การมีส่วนร่วมของชุมชน และ
o
การขอความยินยอมอย่างเอาใจใส่และระมัดระวัง
·
ความร่วมมือกับผู้วิจัยและเจ้าหน้าที่ที่ได้รับผลกระทบ
o
ระบุผู้วิจัยท้องถิ่นที่มีความสนใจ
o
สนับสนุนให้มีโครงสร้างการวิจัยทางคลินิก ถ้าจำเป็น
o
แบ่งปันและเผยแพร่การปฏิบัติที่ดีที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมดูแลด้านกฎระเบียบและจริยธรรม
·
ความเที่ยงตรงด้านวิทยาศาสตร์
o
ผลประโยชน์ที่เป็นไปได้
o
ความเหมาะสมของรูปแบบการวิจัย
โดยผลที่ได้จากการวิจัยเป็นที่น่าเชื่อถือ (Solid Endpoint) และ Intent to treat
analysis
·
การพิจารณาอย่างเป็นอิสระและการกำกับดูแลทางด้านวิทยาวิทยาศาสตร์
·
มีการกำกับดูแลอย่างละเอียดระมัดระวังโดย
คณะกรรมการกำกับดูแลข้อมูลอิสระ ที่มีความรู้ความชำนาญและเป็นอิสระ
·
ความโปร่งใส พร้อมที่จะเผยแพร่ข้อมูลกับผู้ร่วมดำเนินการและชุมชนที่ได้รับผลกระทบ
คำแนะนำสำหรับคณะกรรมการเฉพาะกิจโดย WHO
ในการทดสอบสิ่งที่ยังมิได้มีการพิสูจน์ยืนยันว่าใช้ได้ในภาวะวิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุข
1. มีข้อกำหนดสำหรับการดำเนินการในสภาวการณ์พิเศษ
2. มีข้อกำหนดสำหรับการทดสอบสิ่งที่ยังมิได้มีการพิสูจน์ยืนยันว่าใช้ได้
3. มีจุดมุ่งหมายการวิจัยเชิงทดลองในแง่ของบุคคลกับสิ่งที่สนใจร่วมกัน
4. สถานที่ออกแบบการวิจัย
5. ความหมายที่แน่ชัดของการดำเนินการทดสอบสิ่งที่ยังมิได้มีการพิสูจน์ยืนยันว่าใช้ได้ในภาวะวิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุข
ซึ่งนำไปสู่การสถาปนาจริยธรรมการวิจัยในภาวะภัยพิบัติ ตัวอย่างเช่น
ความพยายามในการหายารักษาโรคอีโบลา (Ebola) ในช่วงที่มีการระบาด 2014
ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีวิธีการใดที่ได้รับการพิสูจน์ว่าได้ผลดีและมีความปลอดภัย
ไม่ว่าจะเป็นยาที่ใช้รักษา หรือวัคซีนที่จะใช้ป้องกันได้
คณะกรรมการจริยธรรมเพื่อการวิจัยด้านสุขภาพแห่งประเทศกินี
ได้ดำเนินงาน ดังนี้
มีช่องทางเร่งด่วน หรือเมื่อได้รับการร้องขอ
ให้มีการพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ
·
จัดตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษ:
กรรมาธิการโครงการวิจัยโรคอีโบลา
o
พิจารณาการวิจัยทางคลินิกเรื่อง คุณภาพทางด้านวิทยาศาสตร์
และ ความเป็นไปได้ทางสังคม
·
เปลี่ยนความถี่ในการประชุม จากเดือนละ 1 ครั้ง เป็น
สัปดาห์ละครั้ง
·
ให้ข้อมูลผลการพิจารณาแก่ คณะกรรมการระดับชาติ
·
มีการยื่นเสนอแบบคู่ขนาน
·
เปิดโอกาสให้ผู้วิจัยได้พบและปรึกษา
เพื่อให้คำแนะนำและข้อคิดเห็น
·
ตัวแทนของผู้มีอำนาจมีการติดต่ออย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการระดับชาติและกรรมาธิการโครงการวิจัยโรคอีโบลา
·
ความท้าทาย
o
ความผิดพลาดในการสื่อสารในระยะต้นของการระบาดที่ยังไม่มีวิธีการรักษา
Ebola ซึ่งนำไปสู่ความหวาดกลัวและการปฏิเสธจากชุมชนที่จะส่งผู้ป่วยEbolaมารับการรักษาและมาที่ศูนย์วิจัย
o
มีการโต้เถียงอภิปรายเรื่อง การสุ่มตัวอย่าง
o
มีการติดเชื้อในบุคลากรด้านสาธารณสุขเพิ่มขึ้น
o
ปัญหาเรื่องการกำกับดูแล
·
ทางเลือกในการขอความยินยอม
o
การขอความยินยอมจากตัวแทนของอาสาสมัคร: การหาตัวแทนที่สามารถตัดสินใจได้
o
การงดเว้นการขอความยินยอมของแต่ละบุคคล
o
การขอความยินยอมย้อนหลัง
จะใช้ในกรณีที่ไม่สามารถขอความยินยอมก่อนดำเนินการจากอาสาสมัครหรือตัวแทน การขอความยินยอมจากอาสาสมัครหรือตัวแทน
โดยเร็วเท่าที่เป็นไปได้หลังจากจะดำเนินการไปแล้ว
o
อื่นๆ : ไม่ต้องมีหัวข้อที่ไม่จำเป็น อะไร?
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะคะ ตอนนี้เราเรียน Regulartory Science (MS) อยู่ที่อเมริกา ตามหาบทความที่เป็นภาคภาษาไทยอยู่ เพราะไม่มีพื้นฐานด้าน Clinical research อ่านภาษาอังกฤษอย่างเดียว มันเข้าใจยากจริงๆ ขอบคุณค่ะ
ตอบลบ