การสรรหาอาสาสมัคร (Recruitment)
การสรรหาอาสาสมัคร เป็นกระบวนการที่ผู้วิจัยใช้สื่อที่ผ่านการอนุมัติจากIRBs/Ecs ประกาศรับสมัครอาสาสมัครโครงการ วิจัยโดยสื่อต่างๆ เช่น ใบประกาศโฆษณา ข้อความโฆษณาในวิทยุ/โทรทัศน์
ข้อความเชิญชวนทางโทรศัพท์ และอื่นๆ เพื่อประชาสัมพันธ์เชิญชวนผู้ที่คาดว่าจะเป็นอาสาสมัครมารับฟังรายละเอียดของโครงการวิจัย
ให้เวลาตัดสินใจแล้วจึงนัดมาคัดกรองเข้าร่วมโครงการ
การสรรหาอาสาสมัคร นับเป็นขั้นตอนการทำงานที่ยากขั้นตอนหนึ่งในการดำเนินการวิจัย
ที่ผู้วิจัยต้องใช้ความสามารถคัดเลือกอาสาสมัครที่เหมาะสมอย่างเพียงพอภายในระยะเวลาที่ตกลงไว้กับผู้ให้ทุนเช่น โดยอาศัยข้อมูลย้อนหลัง (ICH GCP 4.2.1) การดำเนินการวิจัยที่ล่าช้าเนื่องจากไม่สามารถหาอาสาสมัครมาเข้าร่วมโครงการได้จะทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น
ทั้งอาจมีโครงการวิจัยอื่นในประเทศอื่นที่คล้ายคลึงกันทำเสร็จก่อน
ทำให้งานวิจัยของเราล้าสมัย ไม่เป็นที่น่าสนใจในเชิงวิชาการ
ในปัจจุบันนี้ผู้ให้ทุนจึงมักดำเนินการวิจัยแบบ Multi-center คือทำพร้อมๆกันในหลายสถานที่วิจัย ในหลายประเทศ และทำแบบCompetitive
recruitment เพื่อเป็นการกระตุ้นให้
แต่ละสถานที่วิจัยมีความพยายามในการสรรหาอาสาสมัครมากขึ้นและรวดเร็วขึ้น
ความยากง่ายในการสรรหาอาสาสมัคร
ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่ ความซับซ้อนของโครงการ ชนิดของการวิจัย
ระดับความเสี่ยง จำนวนและประเภทของอาสาสมัครที่ต้องการและแหล่งที่อยู่ของอาสาสมัคร
(เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน ชุมชน สถานบันเทิง) ระยะเวลาของโครงการ
เกณฑ์การรับอาสาสมัครและอื่นๆ
ทำอย่างไร
จึงมีความสำเร็จในการสรรหาอาสาสมัคร
เนื่องจากบางครั้งกว่าโครงการวิจัยจะเริ่มอาจล่าช้า
จนทำให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประชากรวิจัยที่ได้จาการทบทวนวรรณกรรม
หรือข้อมูลย้อนหลังเปลี่ยนไป เช่น ก่อนเริ่มรับอาสาสมัครการมีการรณรงค์ฉีดวัคซีนก่อนการวิจัยวัคซีน
การระบาดของโรคลดลงเนื่องการเปลี่ยนแปลงอากาศ
เป็นต้น ดังนั้น
- ผู้วิจัยจึงต้องหาข้อมูลที่เกี่ยวกับผู้ที่น่าจะร่วมโครงการได้ในปัจจุบันจาก
หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลจำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลหรือห้องปฏิบัติการ
คนในชุมชน
- ผู้วิจัยควรศึกษาเหตุผลที่อาสาสมัครอยากเข้า หรือไม่เข้าโครงการวิจัย จากการทบทวนวรรณกรรม หรือการสำรวจความคิดเห็น
ทำไมไม่อยากเข้าโครงการวิจัย
เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ไม่อยากเข้าโครงการวิจัย
โดยเฉพาะการวิจัยยาใหม่หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ชนิดใหม่เพราะกลัวเป็นหนูทดลอง กลัวผลข้างเคียงที่อาจเกิด
กลัวเจ็บจากการเจาะเลือด หรือกิจกรรมเก็บตัวอย่างวิจัยอื่นๆ บางคนอาจเกรงว่าจะไม่สามารถมาตามนัดวิจัยได้
ไม่อยากเปิดเผยความลับ/ความเป็นส่วนตัวเพราะการวิจัยส่วนใหญ่มักมีการซักถามรายละเอียดเยอะกว่าการรักษาตามปกติ
เช่น เรื่องการใช้ยาเสพติด พฤติกรรมส่วนตัวเรื่องเพศสัมพันธ์ เป็นต้น
ทำไมอยากเข้าร่วมโครงการวิจัย
เนื่องจากอาสาสมัครที่เป็นผู้ป่วยต้องมารักษาความเจ็บป่วยในโรงพยาบาล
จึงคิดว่าการเข้าโครงการวิจัยจะทำให้ได้รับการบริการทางการแพทย์ที่ดี
มีความรวดเร็ว มีความพิเศษ มีทางเลือกในการรักษาใหม่ ได้รับยาที่ทันสมัย
ไม่ต้องเสียค่ารักษา แถมยังได้เงินค่ารถบางครั้งผู้ป่วยก็เข้าโครงการวิจัยเพราะเกรงใจแพทย์
พยาบาลผู้ให้การดูแลรักษา ดังนั้นผู้วิจัยต้องไม่ใช้วิธีการบีบบังคับหรือ
โน้มน้าวจนเกินไป
อาสาสมัครจะมาจากไหน ขึ้นอยู่กับคุณลักษณะของกลุ่มประชากรวิจัย เช่น
เด็กอายุเท่าไหร่ โรคอะไร เป็นการวิจัยแบบไหน ตัวอย่าง เช่น การวิจัยแบบ Cohort studyในเด็กอายุ 7-10 ปี อาจต้องไปพบปะอาสาสมัครและผู้ปกครอง
ที่โรงเรียนในเวลาราชการโดยจัดประชุมผู้ปกครอง หรือชุมชนในวันหยุดราชการ
ก่อนการสรรหาอาสาสมัครผู้วิจัยควร
-
วางแผนงาน เช่น สื่อที่เหมาะสมกับอาสาสมัคร งบประมาณ เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ เป็นต้น
และต้องคำนึงถึงภาระงานในนัดวิจัยอื่นๆด้วย
รวมทั้งวันหยุดของทีมวิจัย
-
กำหนดกลยุทธ์ต่างๆที่จะใช้ เช่น การวิจัยในอาสาสมัครเด็กสุขภาพดีอาจต้องไปประชาสัมพันธ์ที่โรงเรียน
-
วางเป้าหมายทั้งระยะสั้นและระยะยาว เช่น ตั้งเป้าหมาย
ว่า ควรรับอาสาสมัคร 3 คนต่ออาทิตย์
-
การติดตามผลลัพธ์การทำงานและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตามความเหมาะสม
เช่น รับอาสาสมัครได้น้อยกว่าที่ตั้งเป้าไว้ อาจต้องกลับมาทบทวนวิธีการใหม่ เช่น
อาจต้องออกชุมชนในวันหยุด เป็นต้น
โดยทั่วไป อาสาสมัครที่มีคุณสมบัติเบื้องต้นเหมาะสมในการคัดกรอง
สามารถพบได้ที่
- สถานที่วิจัยเอง โดยดูจากฐานข้อมูลอาจจะเป็นผู้ที่เคยเข้าโครงการวิจัยอื่นมาแล้ว
เช่น ทำวิจัยโรคเบาหวาน
อาสาสมัครก็ควรพบได้ในคลินิกเบาหวาน
- ประชาสัมพันธ์โครงการโดยใช้สื่อที่ผ่านการอนุมัติจากIRBs/Ecs
• ผ่านเพื่อนร่วมวิชาชีพทั้งในและนอกโรงพยาบาลหรือชุมชน
•
ติดประกาศ หรือโฆษณา ประชาสัมพันธ์ทั่วไปในชุมชน
- เผยแพร่ข่าวสารการรับอาสาสมัครกับประชากรวิจัย (Participant word of mount)
การติดต่อกับผู้ที่คาดว่าจะเป็นอาสาสมัครได้โดย
- โทรศัพท์ ส่งข้อความSMS ส่งemail ทั้งนี้ควรใช้บทสนทนาที่ผ่านการอนุมัติจากIRBs/Ecsเพื่อที่ทีมวิจัยจะได้ สนทนาไปในแนวทางเดียวกัน
- พบปะพูดคุยกับผู้ที่คาดว่าจะเป็นอาสาสมัครโดยตรงเช่น ออกชุมชน จัดประชุม
การติดต่ออาจจะมากกว่า 1 ครั้ง แล้วจึงนัดคัดกรอง
คุณลักษณะที่ดีของอาสาสมัคร
อาสาสมัครที่ดีสำหรับผู้วิจัยคือ
อาสาสมัครที่เข้าใจจุดมุ่งหมายของโครงการวิจัยและเต็มใจเข้าร่วมโครงการวิจัย
สามารถมาตามนัดวิจัยได้ทุกนัด ทำกิจกรรมวิจัยและปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้วิจัย
เข้าใจถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ยินยอมให้ผู้วิจัยติดต่อได้ และจะดีมาก
หากครอบครัวหรือคู่ของอาสาสมัครมีความเข้าใจและสนับสนุน
อุปสรรคที่อาจทำให้อาสาสมัครไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดได้
ซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่ออาสาสมัครมาเข้าร่วมโครงการ วิจัยแล้วก็ได้ เช่น
อาสาสมัครต้องย้ายภูมิลำเนา ถูกเกณฑ์ทหาร ชั่วโมงการทำงานที่ไม่เอื้อให้มาตามนัด
การเดินทาง
มาสถานที่วิจัยไม่สะดวก เป็นต้น
การเลือกสรรอาสาสมัคร (Participant selection)
·
ต้องให้ได้ตามจำนวนที่กำหนดไว้ในโครงร่างการวิจัยและในเวลาที่กำหนด
·
คุณสมบัติของอาสาสมัครตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด
(Inclusion/Exclusion
Criteria)
ควรทำบันทึกการเลือกสรรอาสาสมัครในใบนัดคัดกรองระบุเหตุผลที่อาสาสมัครไม่สนใจเข้าร่วมโครงการเพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หากรับอาสาสมัครไม่ได้ตามจำนวนที่กำหนด
ผู้วิจัยควรทบทวน/ตรวจสอบ จำนวนคัดกรอง จำนวนที่เข้า-ปฏิเสธ เหตุผล
อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง
หากจำนวนอาสาสมัครที่เข้าร่วมโครงการได้น้อยกว่าเป้าหมายที่กำหนด
ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ หรือ ทบทวนโครงร่างการวิจัย เช่น มีข้อจำกัดในเกณฑ์คัดเข้า-ออกมากเกินไปหรือไม่
*** ความสำเร็จในการทำงานเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทีมวิจัย***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น