CRC Café : Participant Retention

วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2562

Participant Retention


การคงอยู่ของอาสาสมัครในโครงการ (Participant Retention)

การทำวิจัยทางคลินิก โดยเฉพาะการวิจัยยา วิธีการรักษาหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ชนิดใหม่ ต้องใช้เวลา สรรพกำลังจากบุคคลหลายภาคส่วน รวมทั้งค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาลตั้งแต่เริ่มต้นดำเนินการจนกระทั่งผลิตภัณฑ์สามารถขึ้นทะเบียนใช้ได้ ขั้นตอนที่ยากและสำคัญมากคือ การสรรหาอาสาสมัครที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมาเข้าโครงการวิจัยให้ครบตามจำนวนและเวลาที่ตกลงไว้กับผู้ให้ทุน และจะทำอย่างไรอาสาสมัครที่เข้าร่วมวิจัยจะอยู่จนจบโครงการ
หากอาสาสมัครออกจากโครงการจำนวนมาก ความน่าเชื่อถือของข้อมูลทีได้จะลดลง เพิ่มภาระงาน เพิ่มค่าใช้จ่าย  อาจต้องเสียเวลาแก้ไขโครงร่างการวิจัย (Protocol Amendment) เพิ่มจำนวนอาสาสมัครในโครงร่างการวิจัยและต้องยื่นเสนอต่อIRBใหม่ หรือผู้ให้ทุนอาจเปลี่ยนใจไปทำที่สถานที่วิจัยอื่นที่ทำได้ดีกว่ามีจำนวนอาสาสมัครเข้าโครงการวิจัยมากกว่า

สาเหตุที่อาสาสมัครออกจากโครงการก่อนครบนัดวิจัย อาจเกิดจาก ผู้ให้ทุนหรือตัวอาสาสมัครเอง

สาเหตุจากการตัดสินใจของผู้ให้ทุน
              สาเหตุที่ผู้ให้ทุนยุติโครงการวิจัยทั้งโครงการก่อนกำหนด อาจเกิดจาก
-   ผู้ให้ทุนพบว่าการวิจัยจะก่ออันตรายต่ออาสาสมัคร
-    การวิจัยพบว่ามีผลดีจนไม่จำเป็นต้องทำต่อ เพราะจะทำให้ผิดจริยธรรม
-    ผู้ให้ทุนมีปัญหาด้านธุรกิจ/การเงินจนไม่สามารถดำเนินการวิจัยต่อได้ และผู้วิจัยไม่สามารถหาแหล่งทุนใหม่มา
    สนับสนุนได้
-     ผู้วิจัยไม่สามารถทำการวิจัยต่อได้ เนื่องจาก เกษียณ เสียชีวิต ย้ายงาน หรือเหตุผลอื่นๆ และไม่สามารถหาใคร    มาทำแทนได้
-     ผู้วิจัยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ละเมิดโครงร่างการวิจัย
-     พบว่ามีชื่อผู้วิจัย อยู่ใน Blacklist ของ US FDA
    สาเหตุที่ผู้ให้ทุนยุติการวิจัยกับอาสาสมัครเฉพาะรายบุคคล อาจเกิดจาก
-      การที่อาสาสมัครมีปัญหาด้านการแพทย์ เช่น
o    ยาวิจัยล้มเหลวในการรักษา อาสาสมัครมีอาการแย่ลง
o    เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรง ค่าผลทางห้องปฏิบัติการผิดปกติมาก
o    อาสาสมัครตั้งครรภ์ ซึ่งยาวิจัยอาจมีผลต่อทารกในครรภ์
            ถึงแม้ว่าต้องยุติการให้ยาวิจัย แต่อย่างไรก็ตามอาสาสมัครต้องได้รับการติดตาม ดูแล จากทีมวิจัยจนถึงที่สุด
-        การละเมิดข้อกำหนดของโครงการ อาจโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ที่มีผลต่อการวิจัย  เช่น พบว่าอาสาสมัครมีคุณสมบัติไม่ตรงกับเกณฑ์คัดเข้า-ออก  กินยาวิจัยไม่ตรงตามที่กำหนด กินยาที่ห้าม ย้ายภูมิลำเนา ไม่มาตามนัดและไม่ปฏิบัติตามที่โครงร่างการวิจัยกำหนดในเรื่องอื่นๆ

สาเหตุจากตัวอาสาสมัครเอง ได้แก่
-        ตัวอาสาสมัครมีปัญหาด้านการแพทย์ เช่น ยาวิจัยทำให้เกิดผลข้างเคียงต่ออาสาสมัคร จนไม่สามารถทนได้ อาสาสมัครมีอาการป่วยแย่ลง มีโรคอื่นแทรกซ้อน เป็นต้น
-        อาสาสมัครความกังวลกับผลข้างเคียงของยาวิจัย บางครั้งอาจได้รับข่าวลือเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการเข้าร่วมโครงการ
-        โครงร่างการวิจัยที่มีกำหนดนัดที่เข้มงวด ไม่ยืดหยุ่น ทำให้ อาสาสมัครไม่สะดวกมาตามกำหนดนัด
-        กิจกรรมวิจัยที่ทำให้อาสาสมัครไม่สุขสบายกาย/ใจความกังวลกับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
-        อาสาสมัครย้ายถิ่นฐาน เช่น โดนเกณฑ์ทหาร ได้งานใหม่ ไปศึกษาต่อต่างประเทศ
-        กระบวนการขอความยินยอมที่ไม่มีประสิทธิภาพ การให้ข้อมูลแก่อาสาสมัครไม่เพียงพอ เร่งรัดให้ อาสาสมัครลงนามในเอกสารขอความยินยอม
-         การสื่อสารระหว่างอาสาสมัครกับเจ้าหน้าที่วิจัยไม่เพียงพอ เมื่ออาสาสมัครมีข้อสงสัย ไม่เข้าใจ หรือมีความวิตกกังวลก็ไม่ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสม
-         มีการเปลี่ยนเจ้าหน้าที่วิจัยบ่อยอาจทำให้ไม่คุ้นเคยกับกระบวนการวิจัย หรืออาสาสมัคร
-         ความไม่ไว้วางใจในทีมวิจัย
-          ใช้เวลาแต่ละนัดในการรอ หรือทำกิจกรรมวืจัยนาน ทำให้อาสาสมัครเสียเวลา เบื่อหน่าย
-          การเดินทางไม่สะดวก สถานที่วิจัยอยู่ไกลจากบ้านหรือที่ทำงาน
-          ญาติพี่น้องครอบครัวเพื่อนฝูงแฟน ไม่อยากให้เข้าร่วมวิจัย

ทำอย่างไรจึงจะทำให้ให้อาสาสมัครอยู่ในโครงการทีมวิจัยจนจบโครงการวิจัย
การเข้าร่วมโครงการวิจัยของอาสาสมัครต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจและเหตุผลสำคัญ ที่อาสาสมัครส่วนใหญ่โดย เฉพาะที่เป็นผู้ป่วยคิดว่า การเข้าร่วมโครงการวิจัยจะทำให้ได้รับการบริการทางการแพทย์ที่ดี มีความรวดเร็ว มีความพิเศษ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่ทีมวิจัยจะตอบสนองความคาดหวังของอาสาสมัครในข้อนี้ได้ โดยต้องคำนึงว่า อาสาสมัครเป็นบุคคลพิเศษที่อุทิศร่างกาย เวลา เพื่อมาเข้าร่วมโครงการวิจัย ทีมวิจัยต้องสร้างสัมพันธที่ดีกับอาสาสมัครและทำให้แน่ใจว่า อาสาสมัครได้รับการบริการตามที่ต้องการ บางครั้งเรื่องเล็กๆน้อยๆก็อาจทำให้เราต้องเสียอาสาสมัครไปก็ได้ เช่น ปล่อยให้อาสาสมัครคอยนาน ผู้วิจัยไม่เคยลงมาตรวจดูพูดคุยกับอาสาสมัครเลย มาพบตอนขอความยินยอมเท่านั้นทั้งๆที่บางครั้งอาสาสมัครเข้าโครงการวิจัยเพราะชื่อเสียงด้านการรักษาของผู้วิจัย

เพื่อให้อาสาสมัครคงอยู่จนจบโครงการวิจัย เพื่อให้การวิจัยประสบความสำเร็จ ข้อมูลที่ได้มีความน่าเชื่อถือ สถานที่ วิจัยต้องมี ทีมวิจัยที่มีจำนวนเพียงพอและมีเวลาเอาใจใส่อาสาสมัคร มีสถานที่อาณาบริเวณในการทำกิจกรรมวิจัยอย่างเป็นสัดส่วนของโครงการวิจัย รวมทั้งมีกลยุทธ์ต่างๆในการทำให้อาสาสมัครคงอยู่ในโครงการวิจัย ได้แก่
-        การกำหนดจำนวนเป้าหมายของอาสาสมัครที่ควรคงอยู่ในโครงการติดตามจำนวนอาสาสมัครที่คงอยู่ในปัจจุบันและจำนวนเป้าหมายที่ต้องการ บันทึกทบทวนเหตุผลที่ อาสาสมัครออกจากโครงการวิจัย
-        สร้างกระบวนการติดตาม ปรับปรุง บันทึก ข้อมูลที่เกี่ยวกับที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้ของอาสาสมัคร แผนที่บ้าน มีระบบการเตือนอาสาสมัครให้มาตามนัดทางโทรศัพท์ การส่งข้อความหรืออีเมล์
-        มีการสร้างสัมพันธภาพระหว่างอาสาสมัครกับทีมวิจัย เช่น เจ้าหน้าที่โครงการให้การต้อนรับและแนะนำตัวกับอาสาสมัครทุกครั้งก่อนเริ่มกิจกรรมวิจัย จัดกิจกรรมให้ความรู้ จัดทำจดหมายข่าว (Newsletter) บอร์ดความก้าวหน้าการวิจัย จัดตั้งคณะกรรมการชุมชน (Community Advisory board-CAB)
-        ระหว่างคอยให้มีที่นั่งรอที่เพียงพอ มีความเป็นส่วนตัวเพราะบางทีอาสาสมัครก็ไม่อยากให้ใครรู้ว่ามาเข้า โครงการวิจัย ที่พักคอยควรมีเครื่องดื่มและของว่างรับรอง มีหนังสือให้อ่าน มีโทรทัศน์ให้ดู มีwifiหรือ internet สร้างความเพลิดเพลินใจไม่ให้เกิดความเบื่อหน่ายต่อการรอคอย
-        สร้างกระบวนการทบทวนกิจกรรมวิจัย กำหนดนัด กรอบเวลาที่กำหนด กับอาสาสมัครทุกนัดทำให้แน่ใจว่า อาสาสมัครเข้าใจกิจกรรมวิจัยและเต็มใจเข้าร่วมโครงการ ไม่ควรนัดอาสาสมัครมาพร้อมๆกันในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะหากแต่ละนัดวิจัยมีกิจกรรมวิจัยที่ต้องใช้เวลา
-        ทำให้แน่ใจว่า อาสาสมัครได้รับการบริการตามที่ต้องการ
-        มีประชุมติดตามความก้าวหน้าของโครงการ แก้ไขปัญหา และร่วมกันพัฒนากลยุทธ์ภายในทีมวิจัย


ตัวอย่างการวางแผนการคัดกรองและกำหนดนัดวิจัย เพื่อจัดกิจกรรมวิจัยให้เหมาะสมกับภาระงานของทีมวิจัย และไม่ทำให้อาสาสมัครต้องมาคอยนาน
สมมติว่า เรากำหนดให้มีการคัดกรองในวันอังคารถึงวันเสาร์ของต้นเดือนกันยายน เพื่อนัดอาสาสมัครเข้าโครงการปลายเดือนกันยายน จากภาพในแต่ละวัน ทีมวิจัยจะเห็นว่ามีอาสาสมัครมากี่คนในแต่ละวัน นัดวิจัยที่เท่าไร มีใครต้องทำหัตถการพิเศษที่ต้องใช้เวลามากบ้าง

วันที่ 3 กันยายน มี

  • Screening Visit จะมีผู้สนใจมาคัดกรองแต่อาจยังไม่รู้จำนวนคนที่แน่นอน เราอาจกำหนดว่า ไม่เกิน 3 คนต่อวัน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ 1 คนรับผิดชอบพูดคุย จึงอาจนัดมา 8:30, 10:00 และ13:00 น.
  • Week 8 Visit คือ P#1
  • Week 4 Visit คือ P#4
วันที่ 4 กันยายน มี

  • Screening Visit ไม่เกิน 3 คนต่อวัน นัดมา 8:30, 10:00 และ13:00 น.
  • Week 4 Visit คือ P#5
  • มี P#1 มาทำหัตถการพิเศษที่ต้องใช้เวลานาน
การวางแผนงานวิจัยก่อนเริ่มดำเนินการ การประชาสัมพันธ์โครงการ การสรรหา การคงไว้ซึ่งอาสาสมัครวิจัย จะทำให้ลดอุปสรรคการดำเนินการวิจัย การวิจัยประสบความสำเร็จ เป็นที่พึงพอใจจากผู้ให้ทุน ทีมวิจัย รวมทั้งอาสาสมัครและชุมชน ทำให้ได้ข้อมูลที่มีคุณภาพ เป็นที่น่าเชื่อถือ การวิจัยก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความใหม่

ชุดตรวจโรคด้วยตัวเองที่บ้าน Home Use Test

ชุดตรวจโรคด้วยตัวเองที่บ้าน Home Use Test ปัจจุบันนี้ชุดตรวจโรคด้วยตัวเองที่บ้านมีใช้กันอย่างแพร่หลาย สามารถอำนวยความสะดวกให้เราได้ตรวจโรค...

บทความแนะนำ