มุมมืดของลูกชาย
เมื่อได้มีโอกาสทำงานเป็นผู้ให้คำปรึกษากลุ่มชายรักชาย
ตามคำชักชวนของพี่ที่เคารพ ตอนนั้นไม่เคยรู้จักโลกของเกย์
ถึงแม้จะมีเพื่อนที่มีลักษณะเป็นเกย์ แต่ก็ไม่เคยรู้อะไรลึกๆเลย เพื่อนเคยไปเที่ยวผับตรงหลังสวน
พอเข้าไปงงมากทำไมมีแต่ผู้ชาย มีผู้หญิง 3-4 คนเท่านั้น ถามเพื่อนว่าทำไมผับนี้ไม่มีผู้หญิงอะ
เพื่อนตอบว่าก็พามาเพราะเห็นเธอชอบผู้ชายไม่ใช่เหรอ แล้วหัวเราะใหญ่
มารู้ภายหลังว่าเป็นผับเกย์ก็ตอนมาทำงานด้านนี้ ไร้เดียงสามาก
พอมาทำงานก็ตกตะลึงกับจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการ
สูงสุดที่เจอคือ 80 คนใน 1 วัน
ตอนมาทำงานที่คลินิกนี้ใหม่ๆ
น้องๆที่มารับบริการเห็นความไร้เดียงสาในเรื่องโลกของเกย์ของป้า เลยมักจะเปิดเผยเรื่องราวในชีวิตที่ไม่เคยเล่าให้คนที่อยู่มาก่อนฟัง
คิดว่าที่น้องๆกล้าเล่า เพราะเรามีใจเป็นกลางในการรับฟัง ฟังทุกเรื่องที่เขาเล่า
เพราะทุกเรื่องที่เล่าเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ และก็อาจจะเนื่องจากเป็นคนหน้าตาใจดี
แต่งตัวทันสมัย อยู่ในวัยกลางคน รวมทั้งคิดว่า Sex ก็คือกามกรีฑา เป็นรสนิยม ความชอบของบุคคล น้องๆจึงให้ความไว้วางใจ
การทำงานเป็นผู้ให้คำปรึกษา สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือ การเคารพในความเป็นบุคคล เคารพในการตัดสินใจของเขา รสนิยมทางเพศของเขา จะถูกจะผิดก็เป็นเรื่องที่เขาต้องคิดต้องแก้ไขเอง เราเป็นเพียงผู้รับฟังเรื่องราวของเขา คอยสะท้อนกลับเรื่องราวที่เขาเล่า เพื่อให้เขาได้คิดทบทวน ไตร่ตรอง ตัดสิน และแก้ไขด้วยตัวเอง ผู้ให้คำปรึกษาจะรับฟัง ช่วยแก้ไขหรือชี้ทางหรือช่วยแนะนำให้ความรู้ ให้กำลังใจ
โดยส่วนตัวจะเชื่อในทฤษฎี
Information-Motivation-Behavior
Change คือ บุคคลสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้
หากได้รับข้อมูลความรู้ที่ถูกต้อง และกำลังใจในการเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นเร็วขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
มีภูมิหลังอย่างไร ปัญหาใหญ่หรือเล็กและส่งผลกระทบมากไหม เช่น การใช้ถุงยางอนามัย
น้องบางคนคุยครั้งเดียวก็ปรับพฤติกรรมได้เพราะติดซิฟิลิสมา บางคนอาจใช้เวลาเป็นปี หรือไม่สามารถปรับพฤติกรรมได้ อาจเป็นเพราะติดยาเสพติดทำให้เปลี่ยนแปลงยาก
ทั้งนี้ผู้ให้คำปรึกษาต้องใจเย็นๆค่อยๆคุย บุญและกรรมของคนเราไม่เท่ากัน
การทำงานให้คำปรึกษากับลูกค้าทุกคนจะคล้ายๆกัน เดินไปเรียกลูกค้าตามคิว เวลาเดินไปเรียกก็ควรสังเกตว่าลูกค้านั่งกับใคร หรือมาคนเดียว น้องบางคนมากับชายแก่อย่าคิดว่าเป็นพ่อหรือลุงเพราะบางทีเป็นป๋าจีบเด็กแถมไปรับเด็กมาจากหน้าโรงเรียน พ่อแม่นึกว่าลูกไปเตะบอล ที่ไหนได้....
เวลาเดินไปห้องให้คำปรึกษาก็เดินคู่ไปกับลูกค้า พูดคุยเรื่องดินฟ้าอากาศการจราจรกันไป เป็นการเริ่มต้นสร้างสัมพันธภาพ ลดความหวาดกลัว ต้องเข้าใจว่าทุกครั้งที่มาตรวจคนเรามักจะกลัวผลการตรวจมากกกก
เมื่อเข้ามาในห้องให้คำปรึกษาก็เริ่มด้วยการแนะนำตัวว่าเราเป็นใคร
ระหว่างพูดคุยก็ต้องสังเกตการแต่งกายของน้องและกริยาท่าทาง บางคนจัดเต็มทั้งแว่นตาดำ ทั้งหมวก เสื้อแขนยาว บางคนแต่งชุดนักเรียน มักจะต้องบอกน้องว่า ครั้งหน้าให้แต่งตัวธรรมดาอย่าให้เป็นที่สนใจจะดีกว่า โดยเฉพาะชุดนักเรียน ให้ถอดเสื้อนักเรียนที่มีสัญลักษณ์โรงเรียนออกเอาเสื้อยืดใส่มาจะดีกว่า น้องก็จะบอกว่า ไม่เป็นไรครับพี่ ผมไม่ใช่คนสำคัญ เอ่อน้องคะน้องไม่ใช่คนสำคัญแต่โรงเรียนน้องคนรู้จักนะคะ คนจะมองกันค่ะ
กริยาน้องก็สำคัญ น้องบางคนนั่งตัวบิดตัวงอ ต้องถามว่าเป็นอะไร เพราะบางครั้งน้องไม่กล้าบอก บางคนเจ็บก้น เพราะแผลซิฟิลิส หนองใน เคยทักน้องว่าเป็นอะไรถึงยอมบอกว่าไข่บวม ตรวจดูถึงเจอว่าเป็นหนองในแล้วไม่ยอมรักษาเพราะอาย อักเสบมาก คงปวดหน้าดู แต่กว่าจะบอกอาย....
สอบถามความประสงค์ที่มาในครั้งนี้ บางคนอาจจะเปิดเผยปัญหาทันที แต่บางคนอาจยังไม่กล้า หรืออาจไม่รู้ อาจต้องพูดคุยสอบถามและแนะนำว่าที่นี่ทำอะไรได้บ้าง มีบริการอะไรบ้าง
เพื่อไม่ให้เสียเวลาบอกเขาไปเหอะว่ามีปัญหาอะไร หรือเป็นอะไรมา หรือสงสัยว่าจะเป็นอะไร เล่าให้ผู้ให้คำปรึกษาฟังเลยจะได้ไม่เสียเวลา และได้รับการรักษาหรือแก้ไขให้ถูกต้อง
ต่อจากการสร้างสัมพันธภาพ คือการสำรวจตรวจค้นประเมินตัวลูกค้า โดยสอบถาม ประวัติทั่วไป อายุ การเรียน การทำงาน อาชีพ อาศัยอยู่กับใคร สวัสดิการการรักษาพยาบาล ประวัติการตรวจเลือด การเจ็บป่วยในอดีต การแพ้ยา การบริจาคโลหิต การมีเพศสัมพันธ์ (กับหญิง หรือชาย) การใช้ถุงยางอนามัย รวมทั้งประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการรักษาที่เคยได้รับ เป็นการพูดคุยโดยใช้คำถามปลายเปิด ต้องคอยสังเกตสีหน้า ภาษากาย ผู้ให้คำปรึกษาควรมีความไวต่อความรู้สึกโดยคอยสังเกตท่าทีของผู้รับคำปรึกษาว่า กำลังครุ่นคิดสงสัยแต่ไม่กล้าถาม กำลังเศร้าเสียใจ และอื่นๆหรือไม่ อย่าลืมมีกำหนดเวลาในใจในการพูดคุย และคอยตรวจสอบว่าที่พูดคุยมาเข้าใจเหมือนกันไหม มีข้อสงสัยหรืออยากถามอะไรเพิ่มเติม ให้ทำเป็นระยะๆ
ว่าไปแล้วชายรักชายคงมีมาตั้งแต่โบราณ แต่ด้วยขนบธรรมเนียมประเพณีทำให้ต้องเป็นที่ซ่อนเร้นและไม่ยอมรับในสังคม จนกระทั่งเมื่อเทคโนโลยี่สื่อสารออนไลน์ทำให้คนรสนิยมเดียวกันมาเจอกัน โดยเฉพาะการกำเนิดของ สมาร์ทโฟน เกิดแอปพลิเคชั่นต่างๆ เช่น Grindr, Hornet, Jack’D เป็นแหล่งสังคมชาวเกย์ ในปัจจุบันประเทศไทยเป็นสังคมที่ยอมรับ และเปิดกว้างสำหรับกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศที่เรียกย่อๆว่า LGBT: Lesbian, Gay, Bisexual และ Transgender เป็นที่นิยมของเกย์ชาวต่างชาติที่จะมาเปิดเผยตัวตนที่ประเทศไทย บางคนมาเที่ยวปาร์ตี้สงกรานต์ทุกปี และได้ของฝาก (HIV) จากไทยไปก็เยอะ ทำให้ปัจจุบันเราจะเห็นเด็กน้อย ดารา ผู้มีชื่อเสียงและบุคคลธรรมดาแสดงออกทางเพศกันเพิ่มขึ้น
ทั้งยังมีเรื่องราวมากมายในมุมเล็กๆที่พ่อแม่ไม่เคยรู้
เอสเพิ่งจบการศึกษาและเพิ่งได้งานทำ เลิกงานรุ่นพี่ที่ทำงานมักชวนไปเล่นไพ่ ดูบอลที่คอนโด บางครั้งก็มีเสพยา และ sex หมู่ ในช่วงคริสมาสตร์ปีใหม่มีปาร์ตี้ยาว จนไข้ขึ้น หยุดงาน 2-3 วัน วันนี้เลยมาขอเช็คเลือด
น้องทั้งหมดไม่มีประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
มาตรวจHIV
ครั้งแรก ให้ทายซิว่าผลการตรวจ HIV ของแต่ละคนจะเป็นอย่างไร?
ถามทุกคนว่า
พ่อแม่รู้ไหมว่า มีเพศสัมพันธ์แล้วกับผู้ชาย ทุกคนจะตอบว่า ไม่รู้
หากคุณมีลูกผู้ชาย
คุณเคยรู้ไหมว่า โลกอีกด้านของเขาเป็นอย่างไร
คุณอยากรู้ไหม คุณจะทำอย่างไรหากรู้
มีเด็กวัยรุ่นชายที่ไร้เดียงสาอีกเป็นจำนวนมากที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใส่ถุงยาง
ไม่เคยรู้จักโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างแท้จริง
ถึงแม้จะมีการเรียนการสอนในโรงเรียน แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น อยากมีอยากได้ สิ่งเร้าทางสังคมและฮอร์โมนทางเพศที่กระตุ้นเร่งเร้าผลักดัน เหตุการณ์ต่างๆอาจเกิดขึ้นได้เสมอ
จากรายงานของ World Bank ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อ HIV 440,000 คนและเสียชีวิตปีละ 1,200 คน ผู้ติเชื้อรายใหม่อยู่ในกลุ่มชายรักชายถึงร้อยละ 40 จากที่เห็นๆก็เป็นกลุ่มคนวัยเรียน วัยทำงาน ล้วนแล้วแต่เป็นกำลังสำคัญของชาติ
สนใจอ่านฉบับเต็มได้ที่
เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู และชุมชนที่ต้องเปิดใจให้กว้าง ยอมรับฟัง ให้คำแนะนำและช่วยเหลือให้น้องๆเดินไปในทางที่ถูกต้อง หากพลาดไปแล้วก็อย่าไปตีตราน้องๆต้องช่วยเหลือให้เขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้เท่าเทียมกับคนอื่น เช่น ให้มีคลินิกตรวจHIV/โรคติดต่อทางเพศศัมพันธ์และรักษาผู้ติดเชื้อHIVรวมอยู่ในแผนกอายุรกรรมไม่ต้องแยกออกมาให้คนรู้ว่ามาตรวจหรือเป็นผู้ติดเชื้อ อนุโลมให้มารักษาตอนเย็นที่เป็นคลินิกนอกเวลาได้น้องๆจะได้ไม่เสียเวลาเรียน ไม่ต้องตรวจHIVเวลาสมัครงานและอย่ารังเกียจเพราะมันไม่ได้ติดกันง่ายเหมือนโควิด-19
หากคุณมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่ากับหญิง หรือชาย อย่าลืมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ไปตรวจHIVและซิฟิลิสอย่างน้อยปีละครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น