CRC Café : Continuing Review

วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

Continuing Review


บทความแปล

คำแนะนำสำหรับคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัย ผู้วิจัย และผู้ให้ทุน1
การพิจารณาอย่างต่อเนื่องหลังจากได้รับการอนุมัติการวิจัยทางคลินิกจากคณะกรรมการจริยธรรม
Guidance for IRBs, Clinical Investigators, and Sponsors
IRB Continuing Review after Clinical Investigation Approval
ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2012

คำแนะนำนี้เป็นการแสดงความคิดเห็นทั่วไปในหัวข้อนี้ของ องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (Food and Drug Administration - FDA) ไม่ใช่การกำหนดหรือให้สิทธิใดๆกับใครและไม่ได้เป็นข้อผูกมัดกับ FDA หรือ สาธารณชน ท่านสามารถใช้วิธีการอื่นหากวิธีการนั้นมีความเหมาะสมกับกฎเกณฑ์และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องมากกว่า หากท่านต้องการให้ความเห็นถึงวิธีการอื่น ติดต่อเจ้าหน้าที่ FDA ที่รับผิดชอบคำแนะนำนี้

I. คำนำ
แนวทางนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วย IRBในการดำเนินการพิจารณาต่อเนื่อง (Continuing review) ภายใต้ 21 CFR 56.108(a) และ 56.109(f) โดยการให้คำแนะนำเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ กระบวนการ และความถี่ในการดำเนินการพิจารณาต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่ามีการคุ้มครอง สิทธิ และ สวัสดิภาพของอาสาสมัครที่เข้าร่วมโครงการวิจัยทางคลินิก  แนวทางนี้จะช่วยผู้วิจัยและผู้ให้ทุนมีเข้าใจดีขึ้นถึงความรับผิดชอบที่เกี่ยวกับการพิจารณาต่อเนื่อง เอกสารนี้ใช้แทนแนวทางเรื่อง the Information Sheet, Continuing Review After Study Approval (ฉบับเดือนSeptember 1998, Office of Health Affairs, FDA)  เพื่อส่งเสริมการคุ้มครองอาสาสมัครและลดภาระงานด้านกฎระเบียบ  Department of Health and Human Services (HHS), Office for Human Research Protections (OHRP) and FDA ทำงานร่วมกันเพื่อทำให้เกิดความสอดคล้องกันระหว่างกฎข้อบังคับของหน่วยงานต่างๆและแนวทางการทำวิจัยใน  เอกสารแนวทางฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามนี้2

เอกสารแนวทางของFDA รวมทั้งคำแนะนำในนี้ ไม่ได้ทำให้เกิดเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมาย แต่คำแนะนำนี้เป็นการแสดงความคิดเห็นในหัวข้อนี้และเป็นเพียงคำแนะนำ ยกเว้นเมื่อมีการอ้างอิงไปยังกฎระเบียบเฉพาะ หรือข้อกำหนดตามกฎหมาย คำว่า ควรในที่นี้หมายถึง สิ่งที่แนะนำให้ทำ (Recommendations) หรือ ข้อคิดเห็น (Suggestions) แต่มิได้เป็นข้อบังคับ

II. ความเป็นมา
กฎของ FDAที่เกี่ยวข้องกับIRBมีออกมาครั้งแรกเมื่อปี 1981 ซึ่งในขณะนั้นการวิจัยทางคลินิกมีผู้วิจัยคนเดียวทำวิจัยคนเดียวในสถานที่วิจัยเดียว (Single investigator-single site study) และการรายงานทั้งหมดต่อIRBทำโดยผู้วิจัยและมีความเหมาะสมเพราะผู้วิจัยอยู่ในฐานะที่รู้ทุกขั้นตอนการทำวิจัย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาการวิจัยที่ทำพร้อมกันหลายแห่ง (multi-site studies) เริ่มมีปรากฏจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา แม้ว่าผู้วิจัยแต่ละคนจะรายงานต่อIRBถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในสถานที่วิจัยตน โดยทั่วไปผู้วิจัยและIRBอาจจะไม่มีข้อมูลที่ดีที่สะท้อนถึงเหตุการณ์ในทุกสถานที่วิจัยทั้งหมด ดั้งนั้นการพิจารณาและกำกับดูแลการวิจัยแบบนี้ของIRBกลายเป็นสิ่งท้าทายมากยิ่งขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำวิจัยทางคลินิก แนวทางเฉพาะนี้จึงถูกจัดทำขึ้นเพื่อช่วย IRBsในการพิจารณาอย่างต่อเนื่อง

III. อภิปราย
ในส่วนการพิจารณาอย่างต่อเนื่องFDAกำหนดให้IRBจัดทำและปฏิบัติตามกระบวนการปฏิบัติงานที่เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อ
·       พิจารณาการวิจัยอย่างต่อเนื่องตามช่วงเวลาที่เหมาะสมกับระดับของความเสี่ยง แต่ไม่น้อยกว่าปีละครั้ง      (21 CFR 56.108(a)(1) and 56.109(f));
·       กำหนดว่า การวิจัยใดต้องรับการพิจารณามากกว่าปีละครั้ง (21 CFR 56.108(a)(2));
·       กำหนดว่า การวิจัยใดต้องมีการตรวจสอบที่สถานที่วิจัยมากกว่าจากการรายงานของผู้วิจัยว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆในการวิจัยเกิดขึ้นตั้งแต่รับการพิจารณาครั้งที่แล้ว (21 CFR 56.108(a)(2)); และ
·       แน่ใจว่าจะมีการรายงานทันทีต่อIRB ถึงการเปลี่ยนแปลงกิจกรรมวิจัย และให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงการวิจัยที่อนุมัติในระหว่างช่วงเวลาอนุมัตินี้ จะยังไม่ทำจนกว่าจะได้รับการพิจารณาและอนุมัติจากIRB ยกเว้นในกรณีที่จำเป็นต้องทำเพื่อกำจัดอันตรายที่อาจเกิดกับอาสาสมัคร (21 CFR 56.108(a)(3) and (4))
จุดมุ่งหมายของมาตรฐานการปฏิบัติงาน คือเพื่อให้แน่ใจว่า IRBมีกรอบในการทำงานสำหรับการพิจารณาเป็นระยะๆการดำเนินการวิจัยทางคลินิกของผลิตภัณฑ์วิจัยภายใต้การควบคุมของFDA (เช่น ยา รวมทั้ง ชีววิทยา และอุปกรณ์) กฎของFDA ไม่ได้ให้คำแนะนำสำหรับเฉพาะสำหรับIRBเกี่ยวกับการกำหนดกฎระเบียบของตนเอง กฎระเบียบยอมให้สถาบันและ IRBs จัดทำกระบวนการ หรือข้อกำหนดเพิ่มเติมตามความเหมาะสมที่IRBต้องการเอง  

ในขณะที่การวิจัยทางคลินิกกำลังดำเนินการอยู่ IRBทบทวนและพิจารณาการเปลี่ยนแปลงการวิจัยที่ได้รับมา รวมทั้งส่วนแก้ไขโครงร่างการวิจัย3 เอกสารขอความยินยอม4 รายงานปัญหาไม่คาดคิดจากผู้วิจัยหรือผู้ให้ทุนและข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการวิจัย5  IRBพิจารณาการเปลี่ยนแปลงการวิจัยที่ยื่นเสนอระหว่างช่วงเวลาที่อนุมัติอยู่ ไม่ถือว่าเป็นการพิจารณาต่อเนื่องของการวิจัยทั้งหมด และด้วยเหตุนี้ จึงไม่ใช่การขยายวันที่ ที่การพิจารณาต่อเนื่องต้องเกิดขึ้น (เช่น เกินกว่าหนึ่งปีจากวันที่การอนุมัติครั้งแรกมีผลบังคับ หรือการอนุมัติการพิจารณาต่อเนื่องครั้งล่าสุด) แม้ว่าIRBจะคุ้นเคยกับแต่ละเรื่องของโครงการวิจัยที่ดำเนินการอยู่ การคุ้นเคยนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้IRBไม่ต้องทำการพิจารณาต่อเนื่องได้ ที่จะให้โอกาสประเมินโครงการวิจัยทั้งหมดอีกครั้ง และแน่ใจว่าเหนือสิ่งอื่นใดความเสี่ยงของอาสาสมัคร (1) ทำให้น้อยลงถึงที่สุด (minimized) และ (2) ยังคงมีเหตุผลที่เหมาะสมในเรื่องประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ถ้ามี กับอาสาสมัคร และ ความสำคัญของความรู้ที่อาจจะได้จากผลการวิจัย (21 CFR 56.111(a)(1) and (2))

ความพยายามในการพิจารณาอย่างเป็นทางการนี้ เป็นไปตามข้อกำหนดของ 21 CFR 56.109(f) เป็นเรื่องของแนวทางนี้ IRBต้องพิจารณาโครงการวิจัยที่ได้อนุมัติก่อนหน้านี้ อย่างน้อยปีละครั้ง (21 CFR 56.109(f))
การพิจารณาต้องดำเนินการในที่ประชุมที่สมาชิกส่วนใหญ่เข้าร่วมประชุม รวมทั้งมีสมาชิกอย่างน้อย 1 คนที่ไม่ใช่สายวิทยาศาสตร์ ยกเว้นการวิจัยนั้นเข้าเกณฑ์การพิจารณาแบบเร่งด่วนได้ (21 CFR 56.108(c) and 56.110)
ดูส่วน III.D. ในคำแนะนำนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมการทำกระบวนการพิจารณาแบบเร่งด่วนในการพิจารณาต่อเนื่อง

IRBที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยที่กระทำพร้อมกันหลายแห่ง (Multi-site studies) อาจจะพบว่าเป็นการยากที่จะทำการพิจารณาจากข้อมูลจากสถานที่วิจัยที่อยู่ภายใต้ขอบเขตของตนเท่านั้น และอาจจะต้องการข้อมูลที่มากขึ้น  
ผู้ให้ทุนอยู่ในตำแหน่งเดียวที่มีข้อมูลทั้งหมดของโครงการวิจัย6และอาจจะให้ข้อมูลนี้กับผู้วิจัย ผู้ที่จะนำไปยื่นเสนอให้IRB กฎของFDAไม่ได้ห้ามผู้ให้ทุนให้ข้อมูลนี้กับIRBโดยตรง7 FDAสนับสนุนความพยายามของผู้วิจัยและผู้ให้ทุนที่ให้แน่ใจว่าIRBได้รับข้อมูลที่สำคัญนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำเช่นนี้จะช่วยIRBในการพิจารณาการวิจัยและการคุ้มครองอาสาสมัคร

ทางเดียวที่จะใช้ในการพิจารณาต่อเนื่องของการวิจัยที่กระทำพร้อมกันหลายแห่ง (Multi-site studies) ในขณะเดียวกันก็ลด หรือ ขจัด การทำงานซ้ำซ้อน โดยการใช้ข้อตกลงการพิจารณาร่วม (Cooperative review agreements) หรือกลไกอื่นๆ เช่น ใช้กระบวนการพิจารณาโดยใช้ IRBกลาง (Centralized IRB review process) ตาม 21 CFR 56.114 ข้อตกลงการพิจารณาร่วม  (Cooperative agreements) อาจจะแตกต่างกันตามการพิจารณาต่อเนื่องว่าจะทำอย่างไร ตัวอย่างเช่น บางข้อตกลงจะมอบหมายIRBใดIRBหนึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการพิจารณาต่อเนื่อง8 ข้อตกลงอื่นๆอาจให้IRBของสถาบันรับผิดชอบพิจารณาประเด็นของท้องถิ่นนั้นๆแต่ให้IRBกลางพิจารณาเรื่องอื่นๆที่เหลือของการพิจารณาต่อเนื่อง

ไม่ว่าจะจัดการแบบไหน IRB(s) ก็ต้องรับผิดชอบการพิจารณาต่อเนื่องของ Multi-site studies อาจจะพบว่ามันจะช่วยได้มากที่จะได้รับและพิจารณาข้อมูลทั้งหมดของโครงการวิจัย สำหรับข้อมูลการอภิปรายเพิ่มเติมดูส่วนที่ III.B. ของแนวทางนี้

     A. เกณฑ์ในการอนุมัติการวิจัยระหว่างการพิจารณาต่อเนื่อง
กฎของ FDA กำหนดเกณฑ์ในการอนุมัติการวิจัย (21 CFR 56.111) ที่ใช้กับทั้งการพิจารณาเบื้องต้น (Initial review) และการพิจารณาต่อเนื่อง (Continuing review) เพื่ออนุมัติการวิจัย IRB ต้องต้องตัดสินว่าการวิจัยเป็นไปตามข้อกำหนดต่อไปนี้

  • ความเสี่ยงของอาสาสมัครถูกทำให้ลดลงถึงที่สุด
  • ความเสี่ยงของอาสาสมัครมีเหตุผลที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ถ้ามี กับอาสาสมัคร และ ความสำคัญของความรู้ที่อาจจะได้จากผลการวิจัย
  • มีความยุติธรรมในการคัดเลือกอาสาสมัคร
  • การขอความยินยอมจะขอจากผู้ที่คาดว่าจะเป็นอาสาสมัครแต่ละคน หรือตัวแทนที่มีอำนาจทางกฎหมาย และมีการบันทึกอย่างเหมาะสม  
  • ในที่ที่เหมาะสม แผนการวิจัยระบุอย่างเหมาะสมว่า มีการตรวจสอบข้อมูลที่เก็บเพื่อให้แน่ใจถึงความปลอดภัยของอาสาสมัคร
  • ในที่ที่เหมาะสม มีข้อกำหนดอย่างเหมาะสมในการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของอาสาสมัครและการรักษาความลับของข้อมูล  
  • มีการป้องกันเพิ่มเติมอย่างเหมาะสมเพื่อคุ้มครองอาสาสมัครกลุ่มเปราะบาง และ
  • การวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฏิบัติตาม 21 CFR part 50, Subpart D
  • IRB ดำเนินการพิจารณาต่อเนื่องเพื่อดูว่ามีข้อมูลใหม่ที่ส่งผลกระทบกับสิ่งที่IRBพบก่อนที่จะพิจารณาว่าการวิจัยเป็นไปตามข้อกำหนดใน 21 CFR 56.111หรือไม่ IRBsมีอำนาจในการไม่อนุมัติหรือกำหนดให้มีการแก้ไข (เพื่อคงไว้ซึ่งการอนุมัติ) กิจกรรมวิจัยที่ไม่ตรงกับข้อกำหนดที่กล่าวมาข้างต้น (เช่น โครงการวิจัยทั้งหมดหรือบางส่วน มีการเปลี่ยนแปลงโครงร่างการวิจัย สื่อประชาสัมพันธ์; 21 CFR 56.109(a))

B. กระบวนการพิจารณาต่อเนื่อง Process for Conducting Continuing Review
การพิจารณาต่อเนื่องทำในที่ประชุมคณะกรรมการ ยกเว้นแต่ว่าเข้าหลักเกณฑ์การพิจารณาแบบเร่งด่วนได้ตาม
21 CFR 56.110 (ดู 21 CFR 56.108(c) and Section III.D.ของเอกสารแนวทางนี้) IRBต้องพิจารณาการวิจัย
(21 CFR 56.109(f)) และต้องรักษาบันทึกกิจกรรมการพิจารณาต่อเนื่อง รวมทั้งบันทึกรายงานการประชุมที่มีการพิจารณาต่อเนื่อง (21 CFR 56.115(a)(2) and (3)) รายงานการประชุมต้องมีรายละเอียดเพียงพอที่แสดงการดำเนินงานของ IRB และการออกเสียงในการพิจารณานี้ รวมทั้งสรุปการอภิปรายโต้แย้งประเด็นต่างๆและมติที่ประชุม (21 CFR 56.115(a)(2)) สำหรับการวิจัยที่ต้องได้รับการอนุมัติสมาชิกส่วนใหญ่ต้องอยู่ในที่ประชุมเพื่ออนุมัติการวิจัย (21 CFR 56.108(c))

IRB ต้องแน่ใจว่า สมาชิกที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับการวิจัยที่พิจารณาต่อเนื่อง ไม่ได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาการวิจัยนั้นแต่สามารถให้ข้อมูลกับIRBได้หากได้รับการร้องขอ (21 CFR 56.107(e)) รายงานการประชุมต้องแสดงรายชื่อผู้เข้าร่วมประชุม การออกเสียง และ สรุปการอภิปรายโต้แย้งประเด็นต่างๆและมติที่ประชุม มีข้อมูลยืนยันว่าสมาชิกที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนไม่ได้เข้าร่วมพิจารณาต่อเนื่องในการวิจัยนั้นๆ (21 CFR 56.115((a) (2))
FDA แนะนำว่า สมาชิกIRBที่มีผลประโยชน์ทับซัอนกับการวิจัยที่พิจารณาต่อเนื่องต้องร้องขอให้ตนเองออกจากที่ประชุมเมื่อมีการพิจารณา เว้นแต่ว่าได้รับการร้องขอให้อยู่ในห้องเพื่อให้ข้อมูล ให้บันทึกสมาชิกที่ออกไปในรายงานการประชุมเมื่อบันทึกการออกเสียงด้วย

IRBต้องรักษาและปฏิบัติตามมาตรฐานปฏิบัติงานการพิจารณาการวิจัยต่อเนื่อง (21 CFR 56.108(a)(1) และ 56.115(a)(6)) ในการจัดทำกระบวนการพิจารณาต่อเนื่อง IRB ควรพิจารณาใช้แบบบันทึก (Templates)
แบบตรวจสอบ (Checklists) หรือ เครื่องมือ (Tool) อื่นๆ เพื่อเป็นมาตรฐานในการบันทึกข้อมูล หรือรายการเอกสาร/ข้อมูลที่ให้แก่สมาชิกคณะกรรมการเมื่อมีการพิจารณาต่อเนื่อง 

ผู้วิจัยมีหน้าที่รับผิดชอบว่าดำเนินการวิจัยตามข้อกำหนดกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง9 เพื่อให้แน่ใจว่า IRBพิจารณาก่อนที่การอนุมัติปัจจุบันจะหมดอายุ ผู้วิจัยต้องปฏิบัติตามนโยบายและมาตรฐานปฏิบัติงานในการพิจารณาต่อเนื่องของIRB (กระบวนการที่กำหนดใน 21 CFR 56.108(a)(1)) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยื่นเสนอเอกสารและข้อมูลที่IRBต้องการ FDAสนับสนุนให้IRBเตือนผู้วิจัยให้ระมัดระวังขั้นตอนการปฏิบัติงานของIRB ตัวอย่างเช่น ให้แนบสำเนาแจ้งผู้วิจัยการตัดสินของIRB หรือประกาศในเวปไซด์  

FDAแนะนำให้IRBมีมาตรฐานการปฏิบัติงานในการขอข้อมูลเพื่อการพิจารณาอย่างต่อเนื่อง หากIRBไม่มีในบันทึกสำหรับการวิจัยของ IRB ที่มีอยู่10:
·         รายงานความก้าวหน้า/รายงานสรุปย่อโครงการที่มีหรืออ้างอิงเอกสารอื่นๆที่ทำเพื่อยื่นให้IRBพิจารณา:
o    จำนวนอาสาสมัครที่เกิดขึ้น (The number of subjects accrued); สำหรับการวิจัยที่ทำในหลายสถานที่วิจัย (multi-site studies) จำนวนอาสาสมัครที่เกิดขึ้นที่สถานที่วิจัยนั้นๆและจำนวนที่เกิดขึ้นในโครงการแบบกว้างๆ (number accrued study-wide) หากมีก็ควรยื่นเสนอด้วย
o    สรุปย่อการเปลี่ยนแปลงโครงร่างการวิจัยที่ได้รับการอนุมัติโดยIRB เริ่มตั้งแต่IRBพิจารณาครั้งแรก หรือการพิจารณาสืบเนื่องครั้งสุดท้าย;
o    ข้อมูลใหม่และข้อมูลที่เกี่ยวข้องใดๆ ที่ถูกตีพิมพ์ หรือยังไม่ได้ตีพิมพ์ ตั้งแต่ IRB พิจารณาครั้งสุดท้าย โดยเฉพาะข้อมูลเรื่องความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย; (หมายเหตุ FDAไม่ได้คาดหวังว่า IRB จะทำการพิจารณาอย่างอิสระเรื่องเกี่ยวกับการทบทวนด้านวิทยาศาสตร์ในการทบทวนการวิจัยแบบต่อเนื่อง
o    สรุปเหตุการณ์ไม่คาดคิดใดๆ (unanticipated problems)11  ในหลายกรณีมีการสรุปสั้นๆ ได้แก่ ไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดใดๆ (คือ เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ใดๆเกิดขึ้นในจำนวนที่คาดไว้และในระดับความรุนแรงที่คาดไว้ตามที่บันทึกไว้ในโครงร่างการวิจัย เอกสารขอความยินยอม และคู่มือผู้วิจัย (Investigator’s Brochure) ถ้ามี;
o    สรุปอาสาสมัครออกจากโครงการตั้งแต่ IRB พิจารณาครั้งสุดท้าย และเหตุผลที่ออก หากรู้ และ
o    สรุปข้อร้องเรียนเรื่องการวิจัยจากอาสาสมัครที่เข้าโครงการจากสถานที่วิจัยตั้งแต่ IRB พิจารณาครั้งสุดท้าย 

  • โครงร่างการวิจัยและเอกสารขอความยินยอมฉบับสุดท้ายที่ใช้อยู่ในสถานที่วิจัย;
  •  การเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารขอความยินยอม หรือโครงร่างการวิจัย;
  •  คู่มือผู้วิจัย ฉบับปัจจุบัน ถ้ามี รวมทั้งการแก้ไขใดๆ;
  •  ข้อมูลสำคัญใดๆที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของอาสาสมัคร เช่น ที่ได้จากรายงานล่าสุด หากมี จากคณะกรรมการด้านความปลอดภัยของข้อมูล (data monitoring committees - DMCs)12 (นอกจากนี้อาจจะเป็นประโยชน์กับผู้ให้ทุนที่จะแน่ใจว่าIRBได้รับแจ้งเมื่อมีการประชุมDMCs แม้ว่าจะไม่มีการตรวจพบปัญหา และ DMCแนะนำให้ดำเนินการวิจัยตามที่ออกแบบไว้ ข้อมูลสามารถถูกส่งโดยผู้วิจัย หรือโดยตรงจากผู้ให้ทุน) และ
  • สรุปรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดการด้านกฎระเบียบที่เกิดขึ้นที่มีผลกระทบด้านความปลอดภัยและการประเมินความเสี่ยง ตั้งแต่ IRB พิจารณาครั้งสุดท้าย (เช่น  การถูกเพิกถอน (withdrawal) หรือ ยกเลิกชั่วคราวจากตลาดในประเทศใดๆจากเรื่องความปลอดภัย, รายงานการเรียกคืน และข้อกำหนดในการจำหน่ายอุปกรณ์จำเป็นต้องใช้ 21 CFR 812.150(b)(6))

หากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นไม่มีอยู่ในรายงาน (ที่ถูกเตรียมโดยผู้ให้ทุนสำหรับจุดมุ่งหมายอื่น หรือเรื่องอื่น)13 ดังนั้นควรมีรายงานความก้าวหน้าแยกออกมาและยื่นกับ IRBเพื่อพิจารณาสืบเนื่อง อย่างไรก็ตาม หากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นมีอยู่ในรายงาน รายงานนี้อาจจะมีจุดมุ่งหมายใหม่และยื่นกับIRB เวลาที่พิจารณาสืบเนื่อง ตัวอย่างเช่น ตามที่กล่าวไว้ว่า ผู้ให้ทุนในโครงการวิจัยยาใหม่ (investigational drug studies) จำเป็นต้องปฏิบัติตาม 21 CFR 312.33 เพื่อยื่นรายงานประจำปีต่อ FDA ถึงความก้าวหน้าของโครงการ ผู้ให้ทุนของการวิจัยอุปกรณ์ใหม่ต้องยื่นรายงานความก้าวหน้าให้ IRBที่เกี่ยวข้องทั้งหมดพิจารณาอย่างน้อยปีละครั้ง (21 CFR 812.150(b)(5))

การยื่นรายงานประจำปีสำหรับการวิจัยยา หรือรายงานความก้าวหน้าการวิจัยอุปกรณ์เป็นกลไกหนึ่งที่ให้ข้อมูลสำคัญกับIRBเพื่อพิจารณาที่การพิจารณาต่อเนื่อง รายงานนี้ ที่มีการเปลี่ยนแปลงน้อยหรือไม่มี โดยทั่วไปจะมีข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้น และควรตรวจทานข้อมูลที่มีกรรมสิทธ์และข้อมูลการวิจัยที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาต่อเนื่องควรเอาออกก่อนยื่นIRB

เมื่อIRB ทำการพิจารณาต่อเนื่อง IRBควรมีความรู้เรื่องการวิจัย รวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาเฉพาะกิจ หรือตามกำหนดที่เกี่ยวกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงโครงร่างการวิจัย คู่มือผู้วิจัย หรือปัญหาไม่คาดคิดที่เกี่ยวกับความเสี่ยงของอาสาสมัคร แฟ้มIRB รวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องรายงานการประชุม ที่สมาชิกคณะกรรมการควรได้รับก่อนการประชุม ซึ่งจะใช้ในการพิจารณาสืบเนื่อง แฟ้มควรสามารถดูได้ในระหว่างการประชุมที่กำลังอภิปรายการวิจัยเพื่อให้กรรมการได้มีข้อมูลใช้พิจารณาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการประชุม

สำหรับโครงการวิจัยแบบหลายสถานที่วิจัย (Multi-site studies) IRBsควรได้รับข้อมูลในภาพกว้าง (study-wide information) รายงานด้านความปลอดภัยของข้อมูล (DMC reports) และข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่ทดสอบ (test article) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการพิจารณาอย่างต่อเนื่องของ IRB ผู้วิจัยสามารถเป็นผู้ให้ข้อมูลกับIRB  แต่อาจจะต้องรับข้อมูลมาจากผู้ให้ทุนเป็นอันดับแรก ผู้วิจัยและผู้ให้ทุนสามารถตกลงกันว่า ผู้ให้ทุนจะยื่นข้อมูลโดยตรงให้ IRB ผู้ให้ทุนเป็นผู้เดียวที่มีข้อมูลทั้งหมดของโครงการวิจัยทุกสถานที่วิจัย การประเมินเป็นระยะๆระหว่างการดำเนินการวิจัย (interim assessments) โดยคณะกรรมการกำกับดูแลข้อมูลด้านความปลอดภัย
(Data Monitoring Committees-DMCs) และข้อมูลด้านความปลอดภัยที่ได้รับจากแหล่งอื่นๆอีก ทั้งต่างประเทศและในประเทศ (เช่นข้อมูลที่มาจากการวิจัยอื่นๆ ทางคลินิก หรือทางระบาดวิทยา การวิจัยในสัตว์ ประสบการณ์ในเชิงพานิชย์ บทความที่ตีพิมพ์ หรือจากแหล่งที่ไม่ได้ตีพิมพ์ รายงานจากกฎระเบียบที่ไม่ใช่ของประเทศสหรัฐ) ที่ช่วย IRBในการพิจารณาโครงการวิจัยและปกป้องอาสาสมัคร14

IRBที่เป็นผู้พิจารณาการวิจัยเบื้องต้น (initial review) เป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะพิจารณาต่อเนื่องเพราะคุ้นเคยกับโครงการวิจัยนั้นๆและการพิจารณาในครั้งที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม FDAตระหนักดีว่าบางสถาบันมอบหมายให้หนึ่ง IRB หรือมากกว่าพิจารณาแบบต่อเนื่องเพียงอย่างเดียว ภายใต้กฎระเบียบของFDAยอมให้ IRBที่ไม่ใช่IRBที่พิจารณาการวิจัยเบื้องต้นทำการพิจารณาแบบต่อเนื่องได้ ตามเท่าที่ IRBที่พิจารณาแบบต่อเนื่องทำตามกฎระเบียบที่จำเป็นเช่นข้อกำหนดของสมาชิกภาพ IRB ภายใต้ 21 CFR 56.107 และทำตามข้อกำหนดของการพิจารณาแบบต่อเนื่องได้ IRBที่พิจารณาแบบต่อเนื่องควรเข้าถึงเอกสารโครงการวิจัยที่พิจารณาก่อนหน้านี้ทั้งหมด

FDAแนะนำว่า เมื่อใดที่เป็นไปได้มาตรฐานการปฏิบัติงานของIRBควรมีมาตรการในการลดภาระงานและทำให้ IRBสามารถทำงานให้บรรลุความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น มาตรฐานการปฏิบัติงานของ IRBอาจจะยอมให้:

  •  เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการอบรมที่เหมาะสมทำการตรวจสอบเอกสารที่ยื่นเสนอเป็นลำดับแรกเพื่อให้แน่ใจว่าได้รับเอกสารที่จำเป็นในการพิจารณาอย่างต่อเนื่องและครบถ้วน และ
  • สมาชิก IRB ที่มีประสบการณ์ หนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งทำการพิจารณาแฟ้มเอกสารที่จะพิจารณาอย่างต่อเนื่องและรายงานสรุปการแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือประเด็นสำคัญให้สมาชิกท่านอื่นฟัง และเป็นผู้นำในการอภิปรายในการประชุม (เช่น ไม่มี/มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยตั้งแต่วันที่มีการพิจารณาต่อเนื่องครั้งสุดท้าย”; “ชนิดและความถี่ของรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่อธิบายในคู่มือผู้วิจัยฉบับปัจจุบัน หรือเอกสารขอความยินยอม; ไม่มีความจำเป็นต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงในขณะนี้”)

FDAตระหนักถึงกรณีที่ IRB ยอมให้มีการออกเสียงแบบใช้ตัวแทนกลุ่ม (บางครั้งเรียก “block voting - การออกเสียงโดยสมาชิกส่วนใหญ่ที่เป็นตัวแทนกลุ่ม”) หากใช้วิธีการ block voting, FDAแนะนำในขั้นตอนปฏิบัติของIRBให้สมาชิก IRBมีโอกาสอย่างมากในการพิจารณาและอภิปรายโครงการวิจัยและแสดงออกถึงข้อวิตกกังวลก่อนจะออกเสียง ขั้นตอนปฏิบัติของ IRBควรยอมให้สมาชิกออกเสียง ใช่ - yes” “ไม่-no” และไม่ออกเสียงได้

      C.   หัวข้อสำคัญในการพิจารณาในการพิจารณาต่อเนื่อง
                 (Key Topics to Consider During Continuing Review)
เมื่อพิจารณาโครงการวิจัยแบบต่อเนื่อง IRBควรเริ่มต้นที่สมมติฐานการวิจัยที่อนุมัติก่อนหน้านี้ ว่าตรงตามเกณฑ์
21 CFR 56.111 IRBควรพิจารณาข้อมูลใหม่ที่ให้โดยผู้วิจัย หรือผู้ให้ทุน หรืออื่นๆที่IRBมีอยู่ ที่อาจจะเปลี่ยนแปลงการตัดสินก่อนหน้านี้ของ IRB โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับการประเมินประโยชน์ หรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับอาสาสมัคร IRBควรประเมินว่าข้อมูลใหม่อาจจะทำให้ต้องแก้ไขโครงร่างการวิจัย และ/หรือเอกสารขอความยินยอมหรือไม่ หาก IRB ตัดสินว่าการวิจัยไม่ตรงตามหลักเกณฑ์เพื่อการอนุมัติ 21 CFR 56.111อีกต่อไป IRBไม่ได้รับการอนุญาติให้อนุมัติใหม่ (reapprove) แต่อาจจะทั้ง ไม่อนุมัติ หรือให้มีการแก้ไขเพื่อรักษาการอนุมัติใหม่ (secure re-approval) (21 CFR 56.109(a)

ดังจะกล่าวต่อไป เมื่อมีการพิจารณาต่อเนื่อง และประเมินว่าการวิจัยยังคงตามหลักเกณฑ์ที่ควรได้รับการอนุมัติต่อหรือไม่ IRBsควรให้ความสนใจในเรื่องต่อไปนี้: 1) การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) 2) เอกสารขอความยินยอมมีความเหมาะสม; 3) ประเด็นด้านท้องถิ่นของแต่ละแห่ง (Local Issues), และ 4) ความก้าวหน้าของการวิจัย (Trial Progress)

เวลาที่ IRB ใช้ในการพิจารณาต่อเนื่องเฉพาะแต่ละโครงการจะแตกต่างตามลักษณะและความซับซ้อนของการวิจัย จำนวนและชนิดของข้อมูลใหม่ที่เสนอต่อ IRB และ ผู้วิจัยได้ยื่นขออนุมัติการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในโครงร่างการวิจัย หรือเอกสารขอความยินยอม สำหรับการวิจัยหลายโครงการ การพิจารณาต่อเนื่องสามารถทำอย่างตรงไปตรงมา IRBควรสามารถปรึกษาหารือพินิจพิเคราะห์และพิจารณาโดยทันทีทันใด

1. การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment)
ในระหว่างการพิจารณาต่อเนื่อง IRBต้องตัดสินว่า ตรงตามหลักเกณฑ์การอนุมัติที่ต้องมีตาม 21 CFR 56.111
รวมถึงการตัดสินว่า ข้อมูลที่ยื่นให้พิจารณาต่อเนื่องจะเปลี่ยนแปลงข้อสรุปหรือไม่ 1) ว่าความเสี่ยงของอาสาสมัครถูกทำให้น้อยลง, หรือ 2) ว่าความเสี่ยงของอาสาสมัครสมเหตุสมผลกับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ (21 CFR 56.111(a)(1) และ (2)) ขั้นตอนการพิจารณาของIRBตาม 21 CFR 56.108 ควรมั่นใจว่า IRB จะพิจารณาข้อมูลใหม่ที่ได้รับ ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่IRBพิจารณาการวิจัยนี้ครั้งสุดท้าย (เช่น รายงานประจำปีของผู้ให้ทุน  รายงานภาพรวมเป็นระยะๆ การวิเคราะห์ใดๆโดยผู้ให้ทุน) ดูบทที่ III.B. ของแนวทางนี้

2. ความเหมาะสมของเอกสารขอความยินยอม (Adequacy of Informed Consent)
ณ เวลาพิจารณาต่อเนื่อง IRBควรพิจารณาเอกสารขอความยินยอมเพื่อตรวจสอบว่า สถานที่วิจัยใช้เอกสารอนุมัติล่าสุดฉบับปัจจุปัน และประเมินว่าเอกสารนี้มีความถูกต้อง ข้อมูลเกี่ยวกับการวิจัยเป็นปัจจุบัน FDA แนะนำให้ใช้วิธีทำให้IRBรู้ว่าเป็นเอกสารขอความยินยอมฉบับล่าสุด ตัวอย่างเช่น ใช้ตราประทับวันที่ หรือ ลงนามและวันที่เอกสารเพื่อให้รู้ว่าเอกสารฉบับไหนที่ได้รับการอนุมัติ

เมื่อพิจารณาเอกสารขอความยินยอม IRBต้องประเมินว่า เอกสารขอความยินยอมที่ได้รับอนุมัติฉบับปัจจุบัน หรือที่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพื่อรับการอนุมัติมีเนื้อหาถูกต้อง ข้อมูลเกี่ยวกับการวิจัยเป็นปัจจุบัน (คือ ตรงตามหลักเกณฑ์ใน 21 CFR 50.25 รวมทั้งข้อกำหนดที่รวมถึงความเสี่ยงที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ดู 21 CFR 56.109(b) และ 56.111(a)(4-5)) โดยเฉพาะเมื่อ IRBพิจารณาอาจจะพบข้อมูลความเสี่ยงใหม่ที่ทำให้ต้องปรับปรุงเอกสารขอความยินยอมเพื่อให้ตรงตามข้อกำหนด แม้ว่าIRBอาจจะมีการพิจารณาเอกสารขอความยินยอมเมื่อมีข้อมูลใหม่ หรือการแก้ไขโครงร่างการวิจัยที่ถูกยื่นต่อIRB การพิจารณานี้ไม่ได้ขจัดความจำเป็นที่ต้องพิจารณาเอกสารขอความยินยอมในระหว่างการพิจารณาต่อเนื่อง นอกจากนี้ IRB ควรมั่นใจว่าข้อมูลสำคัญที่พบใหม่ตั้งแต่การพิจารณาต่อเนื่องครั้งสุดท้ายอาจจะเกี่ยวข้องกับความเต็มใจของอาสาสมัครที่เข้าร่วมโครงการแล้วในการเข้าร่วมโครงการต่อ (เช่น ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับความเป็นพิษ หรือข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่พบในระหว่างการทำรายงานวิเคราะห์ของสถานที่วิจัยทั้งหมด)

ในการวิจัยหลายสถานที่วิจัย (Multi-site studies) IRBกลางอาจจะพิจารณาความเหมาะสมของเอกสารขอความยินยอม ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่าง IRBท้องถิ่นและIRBกลาง IRBกลางอาจจะทำงานสำเร็จโดยการพิจารณารูปแบบ/แบบเอกสารขอความยินยอม หรือ เอกสารขอความยินยอมเฉพาะแต่ละสถานที่วิจัย (site-specific informed consent documents) ที่ใช้ที่สถานที่วิจัย หนึ่ง หรือมากกว่า หรือหรือทั้งหมด15

3. ประเด็นของแต่ละท้องถิ่น (Local Issues)
IRBที่พิจารณาควรพิจารณาข้อวิตกกังวลของท้องถิ่นในระหว่างการพิจารณาเบื้องต้น หรือต่อเนื่อง รวมทั้ง:

  • การเปลี่ยนแปลงสถานการณ์และคุณสมบัติของผู้วิจัย (เช่น การระงับสิทธิพิเศษของโรงพยาบาลชั่วคราว ใบประกอบโรคศิลป์ ความเกี่ยวข้องกับการวิจัยทางคลินิกจำนวนมาก);
  •  การประเมิน การสืบสวนค้นคว้า และแก้ปัญหา ข้อร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย;
  • การเปลี่ยนแปลงการยอมรับการวิจัยที่ยื่นเสนอในเรื่องข้อผูกมัดกับสถาบัน (เช่น แหล่งคนและเงิน ความเหมาะสมของสถานที่) และกฎระเบียบ กฏหมายของรัฐและท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง หรือ มาตรฐานทางด้านวิชาชีพในการดำเนินงาน หรือปฏิบัติงาน;
  • รายงานข้อสังเกตการณ์การวิจัยจากกลุ่มบุคคลที่ 3 (รวมทั้ง กระบวนการขอความยินยอม) ที่ทำภายใต้ 21 CFR 56.109(f); และ
  • ผู้วิจัยวิตกกังวลกับการทำวิจัยทางคลินิกที่สถานที่วิจัยแต่ละแห่ง (เช่น ผู้ประสานงานไม่มีประสิทธิภาพ อาสาสมัครไม่เข้าใจเอกสารขอความยินยอมที่กำหนดโดยนโยบายของสถาบัน)

หากมีการแบ่งปันความรับผิดชอบในการพิจารณาภายใต้ ข้อตกลงความร่วมมือ (Cooperative agreement)
เอกสารข้อตกลงควรระบุความรับผิดชอบที่ครอบคลุมจากข้อตกลงและใครที่รับผิดชอบหน้าที่เหล่านั้น หาก IRBกลางรับผิดชอบในการพิจารณาต่อเนื่องรวมทั้งประเมินประเด็นของท้องถิ่น, มาตรฐานการปฏิบัติงานของ IRBกลางควรทำให้แน่ใจว่า ประเด็นของท้องถิ่นได้รับการพิจารณา ตัวอย่างเช่น IRBกลางอาจจะถามผู้วิจัยสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวกับการถอนตัวของอาสาสมัคร หรือตัดสินว่าจะไปตรวจเยี่ยมสถานที่วิจัยเฉพาะเพื่อตัดสินตามความจริงเพื่อให้เชื่อมั่นถึงความปลอดภัยและสวัสดิภาพของอาสาสมัครวิจัย

4. ความก้าวหน้าของการวิจัย (Trial Progress)
จำนวนอาสาสมัครที่เข้าร่วมโครงการวิจัย (Total Subject Enrollment) ผู้ให้ทุนมีความรับผิดชอบหลักในการกำกับดูแลการวิจัย อย่างไรก็ตาม IRBมีหน้าที่รับผิดชอบในการปกป้องอาสาสมัครวิจัยควรรวมถึงการพิจารณารายงานความก้าวหน้าของ IRB ตัวอย่างเช่น อัตราที่คาดว่าจะรับอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการและอาสาสมัครออกจากโครงการก่อนจบการวิจัยซึ่งระบุในการวิจัยส่วนใหญ่ ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างอัตราที่เกิดขึ้นจริงและอัตราที่คาดว่าจะเกิดของการเข้าร่วมโครงการและอาสาสมัครออกจากโครงการก่อนจบการวิจัย ทั้งในแต่ละสถานที่วิจัยและทั้งหมดของโครงการ อาจจะทำให้เห็นถึงปัญหาที่ต้องได้รับการสืบสวนในลำดับต่อไป

ส่วนหนึ่งของการพิจารณาเบื้องต้น IRBจะอนุมัติโครงการวิจัยซึ่งมักจะประกอบด้วยจำนวนอาสาสมัครที่คาดว่าจะรับเข้าโครงการวิจัยในแต่ละสถานที่วิจัย ผู้วิจัยที่รับอาสาสมัครมากกว่าที่ขอไว้สำหรับสถานที่วิจัยซึ่งอาจจะทำให้ฝ่าฝืนโครงร่างการวิจัย หรือสถานะ (violated the study protocol or conditions) ที่อนุญาตโดยIRB หรือ FDA ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนอาสาสมัครที่รับเข้าโครงการวิจัยทั้งหมดทำให้ IRB สืบค้นได้ว่า การรับอาสาสมัครเข้าร่วมในโครงการวิจัยตรงตามจำนวนที่วางแผนไว้ในโครงร่างการวิจัยฉบับที่ได้รับการอนุมัติ ถ้าการรับอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการทั้งหมดน้อยมาก (ทั้งจากการที่รับอาสาสมัครได้น้อย หรืออาสาสมัครออกจากโครงการวิจัยมาก ซึ่งอาจจะไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะให้อาสาสมัครต้องเสี่ยงกับการใช้ผลิตภัณฑ์ทดสอบเพราะโครงการวิจัยอาจจะมีข้อมูลไม่เพียงพอในมือที่จะตอบคำถามทางด้านวิทยาศาสตร์อีกต่อไป (ดู 21 CFR 56.111(a)(2).)

เพื่อแก้ไขประเด็นการรับอาสาสมัครเข้าร่วมโครงได้น้อย IRBอาจจะแนะนำให้หาสาเหตุความล่าช้าในการรับอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการและขั้นตอนที่เหมาะสมในการแก้ไขสถานการณ์ (เช่น การปรับเปลี่ยนกระบวนการสรรหาอาสาสมัคร  การปรับแก้เกณฑ์การรับอาสาสมัคร (inclusion criteria) การประเมินเหตุผลที่ทำให้อาสาสมัครถอนตัวจากโครงการเป็นจำนวนมาก) ในการวิจัยหลายสถานที่วิจัย (multi-site study) สถานที่วิจัยที่เข้าร่วมโครงการอาจจะรับอาสาสมัครในเวลาที่แตกต่างกัน ในกรณีนี้ข้อมูลเกี่ยวกับการรับอาสาสมัครของสถานที่วิจัยทั้งหมดอาจจะช่วยยืนยันว่า มีเหตุผลเพียงพอในการดำเนินการวิจัยต่อในแต่ละสถานที่วิจัยทั้งๆที่มีการรับอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการน้อย IRBsควรบันทึกว่าเมื่อการวิจัยเสร็จสิ้นการรับอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการการวิจัยไม่ควรจะยืดเยื้ออีกต่อไป16

การถอนตัวของอาสาสมัคร (Subject Withdrawals) อาสาสมัครอาจจะถอนตัวจากการวิจัยด้วยหลายเหตุผล (เช่น เหตุการไม่พึงประสงค์ร้ายแรง (serious adverse events) มีความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ ปัญหาเกี่ยวกับการเดินทาง)
ขั้นตอนการพิจารณาต่อเนื่องโดยIRB ควรมีการพิจารณา

  • จำนวนอาสาสมัครที่ออกจากการวิจัยในแต่ละสถานที่วิจัยเพื่อเปรียบเทียบกันและ
  •  สรุปเหตุผลที่ออกจากการวิจัยของแต่ละสถานที่วิจัย

ข้อมูลเกี่ยวกับการถอนตัวของอาสาสมัครอาจจะมีที่แฟ้มของ IRB หรือสถาบัน หรือได้รับจากแหล่งอื่น (เช่น แฟ้มร้องเรียน ผู้ให้ทุน ผู้วิจัย contract research organization (CRO) IRBพิจารณาข้อมูลนี้อาจจะทำให้เห็นปัญหาการทำวิจัยที่สถานที่วิจัย

D. เมื่ออาจจะใช้วิธีการพิจารณาแบบเร่งด่วนกับการพิจารณาแบบต่อเนื่อง
    (When Expedited Review Procedures May Be Used for Continuing Review)
21 CFR 56.110(b) ยอมให้มีการพิจารณาแบบเร่งด่วนสำหรับการวิจัยที่อยู่ในรายการที่ระบุในทะเบียนของรัฐบาลกลาง (Federal Register)17 และเป็นชนิดไม่มากกว่าความเสี่ยงต่ำ (การวิจัยมีความเสี่ยงต่ออาสาสมัครไม่เกินกว่าความเสี่ยงที่อาสาสมัครจะได้รับในการดำเนินกิจวัตรประจำวัน - no more than minimal risk) กฎนี้ยอมให้การพิจารณาแบบต่อเนื่องทำโดยวิธีการพิจารณาแบบเร่งด่วนได้หากเป็นไปตามข้อกำหนด

ถ้าการวิจัยมีคุณสมบัติในการพิจารณาแบบเร่งด่วนได้ การพิจารณาอาจจะทำโดยประธาน IRB หรือผู้ทบทวนที่มีประสบการณ์ที่ได้รับมอบหมายจากสมาชิก IRB หนึ่งคนหรือมากกว่า ผู้ซึ่งในลำดับต่อไปจะเป็นผู้นำสมาชิกทั้งหมดในการพิจารณาตัดสิน (ดู 21 CFR 56.110(b) และ (c)

การไม่อนุมัติการวิจัยที่เวลาพิจารณาต่อเนื่องจะสามารถทำได้ในที่ประชุมคณะกรรมการเท่านั้น ไม่ใช่ในขั้นตอนการพิจารณาแบบเร่งด่วน ประธาน IRB หรือผู้ได้รับมอบหมายสามารถอนุมัติ หรือให้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงการวิจัยเพื่อรักษาการอนุมัติแต่ไม่สามารถใช้วิธีพิจารณาแบบเร่งด่วนหากไม่อนุมัติการวิจัย (21 CFR 56.110(b))

รายการวิจัยที่สามารถพิจารณาแบบเร่งด่วนได้มี 9 ประเภท สองประเภทสุดท้าย (8 และ 9) ใช้กับการพิจารณาต่อเนื่องที่อนุมัติครั้งที่แล้วในที่ประชุมคณะกรรมการ (ที่ไม่ได้อนุมัติก่อนหน้านี้โดยการพิจารณาแบบเร่งด่วน)   สองประเภทนี้จะพูดถึงในลำดับต่อไป (ดูภาคผนวกรายการประเภทของการวิจัยที่สามารถพิจารณาแบบเร่งด่วน)

ภายใต้รายการนี้ การวิจัยที่ตรงตามข้อกำหนดในประเภท (1) ถึง (7) เมื่อเวลาพิจารณาอาจจะมีคุณสมบัติพิจารณาแบบเร่งด่วนไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาเบื้องต้นหรือต่อเนื่อง โดยทั่วไป การวิจัยที่มีคุณสมบัติในการพิจารณาแบบเร่งด่วนภายใต้ (หนึ่ง) ใน (เจ็ด) ประเภทที่เวลาพิจารณาเบื้องต้น ยังคงมีคุณในการพิจารณาแบบต่อเนื่องแบบเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม IRB ควรตระหนักถึงการวิจัยที่ได้รับการอนุมัติภายใต้ขั้นตอนการพิจารณาแบบเร่งด่วน ในบางสภาพแวดล้อมจะต้องทำการพิจารณาต่อเนื่องโดย IRB ในที่ประชุมคณะกรรมการ ตัวอย่างเช่น การวิจัยประเภท (1) - (7) ที่มีคุณสมบัติในการพิจารณาแบบเร่งด่วนได้ครั้งที่แล้ว อาจจะต้องเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการหากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าการวิจัยไม่ตรงกับประเภทนี้อีกต่อไป หรือสามารถกล่าวได้ว่ามีความเสี่ยงมากกว่าความเสี่ยงต่ำ ในทางกลับกันการวิจัยที่ครั้งที่แล้วพิจารณา (ทั้งเบื้องต้นหรือต่อเนื่อง) โดยคณะกรรมการในที่ประชุมอาจจะกลายเป็นพิจารณาแบบเร่งด่วนได้เมื่อเวลาพิจารณาต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่นถ้าตรงตามข้อกำหนดในประเภท (8) หรือ (9)
 
1. ประเภทการพิจารณาแบบเร่งด่วน ประเภทที่ 8 (Expedited Review Category)
ประเภท (8) ซึ่งใช้กับการพิจารณาต่อเนื่องเท่านั้น ระบุว่า การพิจารณาต่อเนื่องที่อนุมัติครั้งที่แล้วโดยที่ประชุมคณะกรรมการ (เช่น แต่เดิมไม่ใช่เรื่องที่พิจารณาแบบเร่งด่วน) อาจจะเข้าเกณฑ์การพิจารณาแบบเร่งด่วนได้:
(a) ตรงที่
     (i) การวิจัยที่ปิดการรับอาสาสมัครใหม่อย่างถาวร;
    (ii) อาสาสมัครทั้งหมดเสร็จสิ้นกิจกรรมวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการทดลอง; และ
  (iii) การวิจัยยังคงดำเนินการอยู่เฉพาะการติดตามอาสาสมัครระยะยาว (long-term follow-up of subjects); หรือ
(b) ตรงที่ไม่มีการรับอาสาสมัครและไม่พบว่ามีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นอีก; หรือ
(c) ตรงที่กิจกรรมวิจัยจำกัดเหลือแค่เพียงการวิเคราะห์ข้อมูล18

สำหรับการวิจัยหลายสถานที่วิจัย IRBอาจจะใช้การพิจารณาแบบเร่งด่วนเมื่อใดก็ตามที่การวิจัยนั้นเข้าเงื่อนไขประเภท (8) (a), (b) หรือ (c) ในการพิจารณาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับการวิจัยหลายสถานที่วิจัย ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันในเรื่อง วันเริ่มต้นทำโครงการ และอัตราการรับอาสาสมัครเข้าโครงการ ดังนั้นอาจจะมีความก้าวหน้าในการทำวิจัยต่างกัน ผลที่ตามมา IRBสำหรับสถานที่วิจัยที่ตรงเกณฑ์การพิจารณาแบบเร่งด่วนประเภท (8) อาจจะทำการพิจารณาต่อเนื่องโดยวิธีการพิจารณาแบบเร่งด่วน ตรงกันข้ามกับ IRB สำหรับสถานที่วิจัยที่ไม่ตรงเกณฑ์ต้องทำการพิจารณาต่อเนื่องในที่ประชุม IRBสำหรับสถานที่วิจัยที่ยังคงมีกิจกรรม เช่น การติดตามอาสาสมัครระยะยาว หรือการวิเคราะห์ข้อมูล (เช่น สถานที่ที่เป็นศูนย์ประสานงาน หรือ ศูนย์สถิติการวิจัย) ต้องให้แน่ใจว่าการพิจารณาต่อเนื่องการวิจัยของสถานที่นั้นๆต้องทำอย่างน้อยปีละครั้ง สถานที่วิจัยอื่นของการวิจัยหลายสถานที่วิจัยอาจจะดำเนินการวิจัยเสร็จสิ้นแล้วและไม่มีการวิเคราะห์ข้อมูลอีกต่อไป หรือทำหน้าที่รับผิดชอบด้านอื่นๆในโครงการวิจัย โครงการวิจัยอาจถูกปิดแล้ว การพิจารณาต่อเนื่องของสถานที่เหล่านี้จะไม่จำเป็นอีกต่อไป

สำหรับการวิจัยหลายสถานที่วิจัย ที่มี IRB กลาง (central IRB) ซึ่งควรมีข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรกำหนดความรับผิดชอบของ IRB กลางและIRBท้องถิ่น (local IRBs)19 ขึ้นกับเงื่อนไขใดๆของข้อตกลงในการพิจารณา ระหว่าง IRB ท้องถิ่น และIRB กลาง เป็นไปได้ที่ IRB กลางจะทำการพิจารณาต่อเนื่องสำหรับการวิจัยที่มีมากกว่าหนึ่งสถานที่วิจัยโดยใช้วิธีการพิจารณาแบบเร่งด่วน
 
การพิจารณาแบบเร่งด่วน ประเภท(8)(a) และความหมายของคำว่าการติดตามระยะยาว
( Expedited review category (8)(a) and the meaning of “long-term follow-up”)
ภายใต้การพิจารณาแบบเร่งด่วน ประเภท(8)(a) FDA ให้ความหมายของคำว่าการติดตามระยะยาวประกอบด้วย:
·         การวิจัยที่มีความเสี่ยงต่ออาสาสมัคร ไม่มากกว่าความเสี่ยงต่ำ (involve no more than minimal risk to subjects) (เช่น การสำรวจคุณภาพชีวิต - quality of life surveys); และ
·         การเก็บข้อมูลการติดตามจากกระบวนการ (procedures) หรือการแทรกแซง(interventions) ที่ทำเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติปกติทางคลินิกติดตามความก้าวหน้า หรือการกลับเป็นใหม่ (recurrence) ของโรค โดยไม่คำนึงว่ากระบวนการ หรือการแทรกแซงนั้นจะอธิบายในโครงร่างการวิจัยหรือไม่

ในทางตรงกันข้าม FDA ให้คำจำกัดความกับคำว่า การติดตามระยะยาว (long-term follow-up)” ประกอบด้วย:
·         การวิจัยที่มีการใส่กิจกรรมต่างๆแทรกแซงลงไป (Research interventions) ที่มิได้ทำด้วยจุดมุ่งหมายทางคลินิกแม้ว่าการวิจัยที่มีสิ่งแทรกแซงนั้นจะเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่ไม่มากกว่าความเสี่ยงต่ำ

คำอธิบาย บางการวิจัยที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์การพิจารณาแบบเร่งด่วนในประเภท (8)(a) ณ เวลาที่พิจารณาต่อเนื่องอาจจะเข้าเกณฑ์การพิจารณาแบบเร่งด่วนในประเภทใดประเภทหนึ่งของการพิจารณาแบบเร่งด่วนก็ได้ ตัวอย่างเช่น หาโครงการเหลือแต่กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการติดตามอาสาสมัครระยะยาวโดยการเจาะเลือด15 มลปีละ 1 ครั้งเพื่อการทดสอบที่มิใช่การตรวจทางคลินิกแบบปกติ บางการวิจัยที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์การพิจารณาแบบเร่งด่วนในประเภท (8)(a)  แต่อาจจะเข้าเกณฑ์การพิจารณาแบบเร่งด่วนในประเภท (2)

การพิจารณาแบบเร่งด่วนในประเภท(8)(b)  (Expedited review category (8)(b))
เมื่อIRB ทำการพิจารณาต่อเนื่องควรตระหนักว่าหากโครงการเคยรับการพิจารณาต่อเนื่องแบบเร่งด่วนในประเภท (8)(b), แต่ยังไม่ได้เริ่มรับอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการ โครงการนี้อาจจะต้องถูกส่งไปให้พิจารณาโดยที่ประชุมของ IRB  FDAให้ความหมายของเกณฑ์ที่ว่าไม่พบความเสี่ยงเพิ่มขึ้น-no additional risks have been identified” ว่าทั้งผู้วิจัยและIRB ไม่พบความเสี่ยงจากการวิจัยจากแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆ20ว่ามีเพิ่มขึ้นตั้งแต่IRBพิจารณาครั้งล่าสุด

การพิจารณาแบบเร่งด่วนในประเภท(8)(c)  (Expedited review category (8)(c))
FDAอธิบายว่ากระบวนการพิจารณาต่อเนื่องของการวิจัยที่เข้าเกณฑ์การพิจารณาแบบเร่งด่วนประเภท (8)(c) สามารถทำโดยขั้นตอนแบบง่ายๆและสั้นๆ ตัวอย่าง หากการวิจัยไม่มีการรับอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการอีกต่อไป อาสาสมัครมาตามนัดวิจัยครบหมดทุกนัดวิจัยทุกคนแล้วและไม่มีการเก็บข้อมูลใหม่อีก และผู้วิจัยเหลือแค่การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยควรให้ข้อมูลเรื่องการวิจัยกับIRBที่เป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณาต่อเนื่องด้วยประโยคว่า: “โครงการวิจัยมีเพียงกิจกรรมการวิเคราะห์ข้อมูลที่ดำเนินการตามที่ระบุไว้ในโครงร่างการวิจัยฉบับที่ได้รับการอนุมัติและไม่มีปัญหาใดๆที่ต้องรายงานข้อความประโยคนี้อาจจะส่งผ่านทาง email หรือเป็นส่วนหนึ่งในแบบฟอร์มมาตรฐานในการยื่นเสนอเพื่อรับการพิจารณาต่อเนื่อง (standard continuing review application form) เมื่อได้รับข้อความประโยคนี้จากผู้วิจัย ประธาน IRB หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่จากประธาน
ในขั้นตอนการพิจารณาต่อเนื่องอาจจะอนุมัติให้ดำเนินการวิจัยต่อได้อีกปีโดยไม่ต้องมีการพิจารณาหรือทบทวนเพิ่มเติม เมื่อการเก็บข้อมูลจากทุกสถานที่วิจัยเสร็จสิ้นและหยุดการแก้ไขฐานข้อมูลของผลการวิจัยทั้งหมด(Database locked) และเหลือเพียงการวิเคราะห์ข้อมูลรวมทั้งหมดโดยผู้ให้ทุน โดยทั่วไปไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีการพิจารณาต่อเนื่องอีกต่อไป

2. การพิจารณาแบบเร่งด่วนในประเภท(9) (Expedited Review Category (9))
เหมือนกับการพิจารณาประเภท (1)21 สำหรับการพิจารณาเบื้องต้น (initial review) ในประเภท (9)
ขั้นตอนการพิจารณาแบบเร่งด่วนอาจจะใช้สำหรับการพิจารณาต่อเนื่องการวิจัยที่ครั้งที่แล้วอนุมัติโดย IRB ที่ประชุมคณะกรรมการที่ตรงกับเงื่อนไขต่อไปนี้:
·        การวิจัยที่ไม่ทำภายใต้กฎระเบียบของการยื่นวิจัยยาใหม่ (investigational new drug-IND) application หรือ การวิจัยอุปกรณ์ทางการแพทย์ชนิดใหม่ (investigational device exemption-IDE);

  • การพิจารณาเร่งด่วนประเภท (2) ถึง (8) ไม่ใช้กับการวิจัย;
  • IRBมีการบันทึกที่ประชุมคณะกรรมการว่าการวิจัยเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่ที่ไม่มากกว่าความเสี่ยงที่น้อยที่สุดต่ออาสาสมัคร (research involves no greater than minimal risk to the subjects); และ
  • ไม่พบว่ามีความเสี่ยงเพิ่มเติม


เกี่ยวกับเงื่อนไขในลำดับที่ 3 คณะกรรมการที่อยู่ในที่ประชุมคณะกรรมการต้องตัดสินว่า อย่างใดอย่างหนึ่ง
(a) โครงการวิจัยทั้งหมดเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่ที่ไม่มากกว่าความเสี่ยงที่น้อยที่สุด (involved no more than minimal risk), หรือ (b) กิจกรรมวิจัยส่วนที่เหลือแสดงให้เห็นว่าเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่ที่ไม่มากกว่าความเสี่ยงที่น้อยที่สุดต่ออาสาสมัคร เกี่ยวกับการวิจัยหลายสถานที่วิจัย, เงื่อนไขลำดับที่ 4, ไม่พบว่ามีความเสี่ยงเพิ่มเติม ถูกตีความว่า ทั้งผู้วิจัยหรือ IRB ที่สถาบันใดสถาบันหนึ่งไม่พบความเสี่ยงจากการวิจัยเพิ่มเติมจากข้อมูลที่ได้จากสถาบันอื่นที่เข้าร่วมวิจัย หรือจากแหล่งข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ IRB พิจารณาครั้งล่าสุดก่อนหน้านี้

E. ความถี่ของการพิจารณาต่อเนื่อง (Frequency of Continuing Review)
ใน 21 CFR 56.108(a)(2) และ 56.109(f) IRBต้องตัดสินความถี่ของการพิจารณาต่อเนื่องของโครงการวิจัยแต่ละโครงการเพื่อให้แน่ใจว่ามีการปกป้องสิทธิและสวัสดิภาพของอาสาสมัครวิจัยอย่างต่อเนื่อง กฏของFDAที่ 21 CFR 56.109(f) กำหนดให้ IRBพิจารณาต่อเนื่องการวิจัยในช่วงเวลาที่เหมาะสมกับระดับของความเสี่ยงต่ออาสาสมัคร แต่ต้องไม่น้อยกว่าปีละครั้ง

ความเหมาะสมในการพิจารณาบ่อยขึ้น (คือบ่อยมากกว่า 1ครั้งต่อปี) ตัวอย่างเช่น เมื่อความเสี่ยงต่ออาสาสมัครต้องทำให้มีการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดมากขึ้น IRB ควรพิจารณาปัจจัยที่กำหนดไว้ด้านล่างเมื่อต้องตัดสินช่วงเวลาที่เหมาะสมในการพิจารณาต่อเนื่อง ปัจจัยเหล่านี้ควรเขียนไว้ในมาตรฐานการปฏิบัติงานของIRB สำหรับการตัดสินช่วงเวลาในการพิจารณาต่อเนื่อง:

  • ลักษณะของการวิจัยและความเสี่ยงที่อาจเกิด;
  • ระดับของความไม่แน่นอนที่เกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง;
  • ความเปราะบางของกลุ่มประชากรที่เป็นอาสาสมัคร;
  • ประสบการณ์ของผู้วิจัยในการทำวิจัยคลินิก;
  • ประสบการณ์ที่ผ่านมาของ IRBกับผู้วิจัยและ/หรือผู้ให้ทุน (เช่น ประวัติการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ปัญหาในอดีของผู้วิจัยเรื่องการขอความยินยอม ข้อร้องเรียนจากอาสาสมัครเกี่ยวกับผู้วิจัย);
  • อัตราการรับอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการ; และ
  • การวิจัยเกี่ยวข้องกับการรักษาแบบใหม่หรือไม่


ณ เวลาที่อนุมัติโครงการวิจัยครั้งแรก FDA แนะนำให้ IRB แจ้งกับผู้วิจัยถึงช่วงเวลาที่ต้องมีการพิจารณาต่อเนื่อง(อย่างน้อยปีละครั้ง)และวันที่พิจารณา อย่างเดียวกัน ณ เวลาที่พิจารณาต่อเนื่อง IRBควรพิจารณาว่า ช่วงเวลาที่กำหนดพิจารณาการวิจัยต่อเนื่องปัจจุบันเหมาะสมหรือไม่ หรือควรจะมีการปรับเปลี่ยน นอกจากจะระบุช่วงเวลา IRBอาจจะกำหนดจำนวนอาสาสมัครที่รับเข้าโครงการวิจัยเป็นเกณฑ์ตัดสินว่าต้องมีการพิจารณาต่อเนื่องก็ได้
ตัวอย่างเช่น  ณ เวลาที่พิจารณาและอนุมัติครั้งแรกในโครงการวิจัยทางคลินิกที่มีความเสี่ยงสูง IRBอาจจะกำหนดให้มีการพิจารณาต่อเนื่องที่ 6 เดือนหรือเมื่อรับอาสาสมัครเข้าโครงการได้ 5 คนอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าอะไรเกิดขึ้นก่อน ก็ได้ อย่างไรก็ตาม หากช่วงเวลาในการพิจารณาต่อเนื่องสัมพันธ์กับจำนวนอาสาสมัครที่รับ มันต้องเป็นจำนวนน้อย นอกจากนี้ก็ยังต้องมีการพิจารณาต่อเนื่องทุกปี โดยไม่คำนึงถึงจำนวนอาสาสมัครที่รับได้ในเวลานั้น ไม่สมควรจะใช้จำนวนอาสาสมัครกำหนดช่วงเวลาในการพิจารณาต่อเนื่องเพียงอย่างเดียว  รายงานการประชุมต้องมีการบันทึกอย่างชัดเจนถึงระยะเวลาในการอนุมัติ (ช่วงเวลาพิจารณาต่อเนื่อง)
การตัดสินของIRBเกี่ยวกับการอนุมัติการวิจัยต้องสื่อสารถึงผู้วิจัยเป็นลายลักษณ์อักษร (21 CFR 56.109(e)) คำตัดสินที่เป็นลายลักษณ์อักษร ควรแจ้งกับผู้วิจัยถึงช่วงเวลาที่กำหนดสำหรับ และวันที่คาดว่า จะต้องมีพิจารณาต่อเนื่อง

F. การกำหนดวันที่การอนุมัติเบื้องต้นมีผลบังคับใช้ และวันที่พิจารณาต่อเนื่อง
     Determining the Effective Date of Initial IRB Approval and the Dates for Continuing Review
การพิจารณาต่อเนื่องต้องทำในช่วงที่เหมาะสมตามระดับความเสี่ยง แต่ไม่น้อยกว่าปีละ 1 ครั้ง(21 CFR 56.109(f))  IRBควรจะจัดทำกระบวนการปฏิบัติงานอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร (SOP) สำหรับการแจ้งแก่ผู้วิจัยถึงกฎของFDAและนโยบายของIRBเองและกระบวนการของข้อกำหนดในการพิจารณาต่อเนื่อง (ดู 21 CFR 56.108(a)(1) & (2).) ใช้ได้ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาในที่ประชุม หรือ การพิจารณาแบบเร่งด่วน  

มาตรฐานการปฏิบัติงานของ IRB ควรอธิบายว่า IRBกำหนดวันที่การอนุมัติมีผลบังคับใช้สำหรับการวิจัยอย่างไร และจะแจ้งวันที่และช่วงเวลาที่อนุมัติต่อผู้วิจัยอย่างไร
1.     เมื่อ IRB พิจารณา และ อนุมัติการวิจัยเบื้องต้นในที่ประชุมโดยไม่มีเงื่อนไข
Reviews and Initially Approves Research Without Conditions at a Convened Meeting
เมื่อ IRBพิจารณาการวิจัยเบื้องต้นในที่ประชุม และอนุมัติการวิจัยเป็นเวลา 1 ปีโดยไม่มีเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ ไม่อย่างใดอย่างหนึ่ง   (a) เปลี่ยนแปลงโครงร่างการวิจัยและเอกสารขอความยินยอม หรือ (b) ยื่นเสนอคำอธิบาย หรือเอกสารเพิ่มเติม  วันที่การอนุมัติมีผลบังคับใช้ในการพิจารณาเบื้องต้นคือวันที่ประชุมของIRB ในสถานการณ์นี้วันหมดอายุของการอนุมัติเบื้องต้นและวันที่ต้องมีการพิจารณาต่อเนื่องครั้งแรกต้องเกิดขึ้นอาจจะช้าได้ไม่เกิน 1 ปีหลังจากวันที่ประชุมอนุมัติเบื้องต้น (21 CFR 56.109(f)) (ห้ามเกิน 1 ปี หลังจากวันอนุมัติครั้งแรก)
2.     เมื่อ IRB พิจารณา และ อนุมัติการวิจัยเบื้องต้นในที่ประชุมโดยมีเงื่อนไข
When the IRB Reviews and Initially Approves Research With Conditions at a Convened IRB
ประชุมโดยไม่ต้องมีการพิจารณาอีกในที่ประชุมครั้งต่อไป
เป็นเรื่องปกติมากที่เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นเมื่อ IRB มีการประชุมพิจารณาโครงการวิจัยเบื้องต้นในที่ประชุมแล้วดำเนินการดังต่อไปนี้
·         อนุมัติโครงการวิจัยเป็นเวลา 1 ปี
·         อนุมัติโดยมีเงื่อนไข กำหนดให้ผู้วิจัย (a) แก้ไขโครงร่างการวิจัย หรือเอกสารขอความยินยอม
(b) ยืนยันสมมติฐานหรือความเข้าใจในส่วนของIRBว่าจะดำเนินการวิจัยอย่างไร หรือ (c) ยื่นเอกสารเพิ่มเติม หากเป็นที่พอใจของIRB IRBก็สามารถตัดสินใจอนุมัติภายใต้ข้อกำหนด และ
·         ส่งไปให้ ประธานIRBหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากIRB พิจารณาและตัดสินแทนIRB ว่า การแก้ไข คำอธิบาย และหรือ เอกสารเพิ่มเติมที่ยื่นเสนอโดยผู้วิจัยเป็นที่น่าพอใจหรือไม่  

เมื่อ IRB พิจารณาและอนุมัติการวิจัยโดยมีเงื่อนไขในที่ประชุมโดยไม่ต้องมีการพิจารณาในที่ประชุมอีกในครั้งต่อไป วันที่การอนุมัติเบื้องต้นมีผลบังคับใช้คือวันที่ประธานIRBหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายพิจารณาและยอมรับว่าการแก้ไขทั้งหมดในโครงร่างการวิจัย หรือเอกสารขอความยินยอม หรือการชี้แจงอื่นๆ ที่IRBต้องการจากผู้วิจัย เป็นที่น่าพอใจ ในสถานการณ์นี้วันหมดอายุของช่วงการอนุมัติเบื้องต้น ซึ่งต้องเป็นวันที่มีการพิจารณาต่อเนื่องครั้งแรกต้องเกิดขึ้น อาจจะช้าได้ไม่เกิน 1 ปีหลังจากวันที่อนุมัติเบื้องต้น (21 CFR 56.109(f)) (ห้ามเกิน 1 ปี หลังจากวันอนุมัติครั้งแรก)  (อย่างไรก็ตาม IRB อาจจะกำหนดวันหมดอายุของช่วงการอนุมัติเบื้องต้นที่  1 ปีจากวันที่ประชุมIRBที่มีการอนุมัติอย่างมีเงื่อนไขก็ได้)

การบันทึกของ IRB ต้องมีวันที่ที่ ประธาน หรือ ผู้ที่ได้รับมอบหมายโดยIRB ตัดสินว่า ผู้วิจัยตอบเงื่อนไขต่างๆเป็นที่น่าพอใจ และ การอนุมัติมีผลบังคับใช้ รวมทั้งวันหมดอายุของการอนุมัติครั้งแรก (คือวันที่ต้องมีการพิจารณาต่อเนื่องครั้งแรกเกิดขึ้น (ดู 21 CFR 56.115(a))

3.     กำหนดวันที่ของการพิจารณาต่อเนื่องครั้งที่ 2 และลำดับต่อมาทั้งหมด เพื่อให้IRBพิจารณาในที่ประชุมและอนุมัติเป็นระยะเวลา 1 ปี รวมทั้งจะรักษาให้วันที่ครบรอบคงที่อย่างไรสำหรับการหมดอายุของการอนุมัติทุกปี  

IRB ต้องพิจารณาการวิจัยต่อเนื่องที่ระยะห่างที่เหมาะสมตามระดับของความเสี่ยง แต่ต้องไม่น้อยกว่า 1 ครั้งต่อปี (21 CFR 56.109(f)) การให้ข้อกำหนดนี้เป็นเรื่องที่สำคัญในการตระหนักถึง วันอนุมัติของIRBที่มีผลบังคับใช้ -  Effective date of IRB approval” (คือ วันที่ประธานIRBหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากIRB ตัดสินว่าการอนุมัติแบบมีเงื่อนไขได้รับการแก้ไข/อธิบาย/ให้ข้อมูลเพิ่มจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว) เพื่อตัดสินวันที่อนุญาตล่าสุดในการพิจารณาต่อเนื่องครั้งแรกเท่านั้น

สำหรับการพิจารณาต่อเนื่องในลำดับต่อมาทั้งหมด (คือ วันที่พิจารณาต่อเนื่องครั้งที่ 2 และลำดับต่อมาทั้งหมด) หากIRBไม่ได้ปฏิบัติตามกระบวนการที่กำหนดให้รักษาวันครบรอบปีคงที่ วันที่มีการประชุมพิจารณาต่อเนื่องของIRBและอนุมัติโครงการวิจัย (อย่างมีหรือไม่มีเงื่อนไข) จะเป็นกำหนดวันที่อนุญาตล่าสุดในการพิจารณาต่อเนื่องครั้งต่อไป
FDA ตระหนักถึงประโยชน์ด้านการคำนวณหากกำหนดวันหมดอายุของช่วงการอนุมัติให้คงที่ปีต่อปีตลอดระยะการดำเนินการวิจัย ดังนั้นเมื่อ (a) IRBยินยอมให้มีการอนุมัติเป็นเวลา 1 ปีที่วันที่มีการพิจารณาต่อเนื่องในแต่ละปี  และ(b) IRB พิจารณาต่อเนื่องและอนุมัติให้ต่อการวิจัยอย่างมีหรือไม่มีเงื่อนไข (Re-approves with or without conditions) ภายใน 30 วันก่อนช่วงเวลาการอนุมัติจะหมดอายุ IRBอาจจะยึดวันครบรอบปีของวันหมดอายุที่  IRBอนุมัติครั้งแรกเป็นวันหมดอายุของแต่ละช่วงการอนุมัติ 1 ปีในลำดับต่อมา  IRBที่ใช้กระบวนการรักษาวันครบรอบปีคงที่สำหรับวันหมดอายุของการอนุมัติประจำปีควรมีคำอธิบายนี้ในมาตรฐานการปฏิบัติงาน ด้วย  

หาก IRB อนุมัติอย่างมีเงื่อนไขที่เวลาพิจารณาต่อเนื่องก่อนวันหมดอายุ และผู้วิจัยชี้แจงและแก้ไขเงื่อนไขที่IRBมี FDAมิได้ห้ามหากผู้วิจัยจำเป็นต้องการเวลาในการชี้แจงจนเลยช่วงเวลาของการอนุมัติเพื่อแก้ไข/ชี้แจง/ให้เอกสารเพิ่มเติมเพื่อให้IRBพอใจ FDAไม่ได้คาดหวังว่าIRB จะรายงานสถานการณ์นี้ให้หน่วยงานราชการด้วย

คำแนะนำเดียวกันนี้ใช้สำหรับการตัดสินวันที่พิจารณาต่อเนื่องใช้ในกรณีที่ต้องพิจารณามากกว่า 1 ครั้งต่อปีและเมื่อIRBพิจารณาและอนุมัติการวิจัยแบบเร่งด่วนด้วย ตาม 21 CFR 56.110

ณ เวลาของการพิจารณาต่อเนื่องIRBต้องพิจารณาว่าความถี่ในการพิจารณาต่อเนื่องปัจจุบันเหมาะสมกับระดับความเสี่ยง หรือควรจะปรับเปลี่ยน (21 CFR 56.109(f)) ตัวอย่างเช่น หากIRBอนุมัติการวิจัยครั้งแรกเป็นเวลา 1 ปีและที่การพิจารณาต่อเนื่องครั้งแรกพบว่า อาสาสมัครมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ IRBอาจจะอนุมัติใหม่หลังจากตัดสินการอนุมัติตามข้อกำหนดใน 21 CFR 56.111 แต่กำหนดให้อีก 6 เดือนมีการพิจารณาต่อเนื่องครั้งต่อไป

FDAแนะนำให้ IRBมีกระบวนการที่เป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อแจ้งแก่ผู้วิจัยล่วงหน้าถึงข้อกำหนดในการพิจารณาต่อเนื่อง แบบประจำปี หรือ กำหนดวันที่พิจารณาต่อเนื่องอื่นๆ IRBควรจัดทำกระบวนการบริหารจัดการเพื่อให้แน่ใจว่าการประชุมพิจารณาต่อเนื่องไม่ใช่เพียงแค่กำหนดเท่านั้น แต่เกิดขึ้นก่อนวันหมดอายุแน่ๆ และอาจจะใช้ระบบติดตามเพื่อลดการลืมต่อวันหมดอายุการอนุมัติโดยไม่ตั้งใจ  อย่างไรก็ตาม FDAระมัดระวังว่าหากผู้วิจัยยื่นต่ออายุล่วงหน้าก่อนวันหมดอายุมาก ข้อมูลอาจจะไม่สะท้อนการดำเนินการวิจัยอย่างปัจจุบันเมื่อเวลาพิจารณาต่อเนื่องเกิดขึ้นจริง ดังนั้น IRB ควรทำงานให้เชื่อมต่อให้ใกล้กับเวลาที่แท้จริงเท่าที่จะทำได้กับ1) การรับเอกสารพิจารณาต่อเนื่องของIRB 2) การพิจารณาต่อเนื่องของIRBกับเอกสารที่ยื่น และ3) เวลาของวันหมดอายุที่ใกล้เข้ามา แม้กระนั้นเป็นความรับผิดชอบของผู้วิจัยที่จะต้องทำให้แน่ใจว่าโครงการวิจัยปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง22 ดังนั้นเพื่อให้การอนุมัติของIRBคงอยู่ (โดยที่การวิจัยไม่สามารถทำได้ต่อไป) ผู้วิจัยควรให้ข้อมูลที่จำเป็นเพื่อการพิจารณาต่อเนื่องทันเวลาและครบถ้วน ไม่ว่าIRBจะเตือนหรือไม่
การพิจารณาการแก้ไขโครงร่างการวิจัยที่ทำระหว่างช่วงเวลาอนุมัติ ไม่ถือว่าเป็นการพิจารณาต่อเนื่อง และดังนั้นจึงไม่ใช่การขยายเวลาที่การพิจารณาต่อเนื่องต้องเกิดขึ้น (คือ ไม่มากไปกว่า 1 ปีจากวันที่มีการอนุมัติครั้งแรก หรือการอนุมัติในการพิจารณาต่อเนื่องครั้งล่าสุด)

G. การสื่อสารผลการตัดสินการพิจารณาต่อเนื่องของ IRB
    (Communicating the IRB’s Continuing Review Determination)
ภายใต้ 21 CFR 56.109(e) IRBต้องแจ้งผู้วิจัยและสถาบันเป็นลายลักษณ์อักษรถึงคำตัดสิน ว่า อนุมัติ หรือไม่อนุมัติกิจกรรมวิจัยที่ยื่นเสนอ หรือที่ต้องแก้ไขเพื่อยังคงการอนุมัติกิจกรรมวิจัยไว้ หากIRB ตัดสินหรือไม่อนุมัติกิจกรรมวิจัย ก็ต้องมีข้อความระบุเหตุผลในการตัดสินใจและให้โอกาสผู้วิจัยได้ชี้แจงด้วยตนเอง หรือเป็นลายลักษณ์อักษร

หลังจากที่ IRB เสร็จสิ้นการพิจารณาต่อเนื่อง IRB ต้องแจ้งการตัดสินกับผู้วิจัยเป็นลายลักษณ์อักษร (เช่น อนุมัติ หรือต้องมีการแก้ไขเพื่อยังคงการอนุมัติ หรือไม่อนุมัติ; 21 CFR 56.109(e)) สำหรับการวิจัยที่อนุมัติให้ทำต่อได้ FDA แนะนำให้แจ้งระบุอย่างชัดเจนถึง วันที่ผลการอนุมัติบังคับใช้ (date when approval is effective) ช่วงเวลาที่การวิจัยได้รับการอนุมัติ และวันที่พิจารณาต่อเนื่องครั้งต่อไป

เมื่อมีการอนุมัติการวิจัยแบบมีเงื่อนไข ณ เวลาที่พิจารณาต่อเนื่อง การแจ้งของIRBควรระบุเงื่อนไขอะไรที่จำเป็นต้องแก้ไขก่อนที่ผู้วิจัยสามารถจะดำเนินกิจกรรมวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขนี้ต่อได้ ตัวอย่าง หาก ณ เวลาที่พิจารณาต่อเนื่อง IRBกำหนดให้ผู้วิจัยเปลี่ยนแปลงโครงร่างการวิจัยให้มีขั้นตอนใหม่ในการคัดกรองอาสาสมัคร IRB สามารถอนุมัติการวิจัยพร้อมด้วยเงื่อนไขต่อไปนี้: กิจกรรมวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการรับอาสาสมัครแบบปัจจุบันอาจจะยังคงทำต่อไป  แต่อาจจะไม่รับอาสาสมัครใหม่จนกว่าสมาชิกIRBที่ได้รับมอบหมายจะพิจารณาโครงร่างการวิจัยที่แก้ไขแล้วและตรวจสอบว่า โครงร่างการวิจัยมีขั้นตอนการคัดกรองแบบใหม่อยู่ด้วย (โปรดทราบว่า  FDA จะไม่พิจารณาการหยุดรับอาสาสมัครชั่วคราว ณ เวลาที่พิจารณาต่อเนื่อง ว่าเป็นการยกเลิกการอนุมัติชั่วคราวที่ต้องรายงานต่อเจ้าหน้าที่ของสถาบัน หัวหน้า (หรือผู้ได้รับมอบหมายหน้าที่) ของหน่วยงานที่ทำหรือสนับสนุนการวิจัย หรือ FDA ภายใต้ 21 CFR 56.113.)

FDA แนะนำให้ IRBs แจ้งกับผู้ให้ทุนถึงการตัดสินไม่อนุมัติการวิจัยและเหตุผลที่ตัดสินไม่อนุมัติแม้ว่าโดยปกติจะไม่มีการกำหนดให้ทำ23 FDA สนับสนุนให้ผู้ให้ทุน ผู้วิจัยและIRB สื่อสารถึงกันและกันเพื่อปกป้องสิทธิและสวัสดิภาพของอาสาสมัครวิจัย

H. การหมดอายุ การระงับ และการยกเลิก การอนุมัติการวิจัย (Lapse, Suspension, or Termination of IRB Approval of Research)

1. การหมดอายุการอนุมัติ (Lapse of IRB Approval)
ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น หน่วยงานแนะนำให้IRBและผู้วิจัยวางแผนล่วงหน้าเพื่อให้แน่ใจว่า การพิจารณาต่อเนื่องและการอนุมัติการวิจัยอีกครั้งทำก่อนจบช่วงเวลาของการอนุมัติของIRB FDAยังให้คำแนะนำอีกว่า มาตรฐานการปฏิบัติงานของ IRB มีการแจ้งล่วงหน้าต่อผู้วิจัยเพื่อให้แน่ใจว่า จะตรงตามข้อกำหนดของการพิจารณาต่อเนื่อง คือ ก่อนวันที่การอนุมัติจะหมดอายุ

กฎของFDAที่ 21 CFR part 56 ไม่มีบทบัญญัติถึงการผ่อนผันให้ขยายเวลาการวิจัยจนเลยวันที่หมดอายุการอนุมัติ เมื่อการพิจารณาต่อเนื่อง ไม่ได้ทำก่อนหมดช่วงเวลาการอนุมัติที่ระบุโดยIRB จะถือว่าการอนุมัติของIRBหมดอายุโดยอัตโนมัติ การหมดอายุการอนุมัติเกิดขึ้นเมื่อใดก็ตามที่ผู้วิจัยไม่สามารถให้ข้อมูลสำหรับพิจารณาต่อเนื่องกับIRB หรือ IRBไม่ได้ทำการพิจารณาต่อเนื่องและอนุมัติการวิจัยอีกครั้งภายในวันหมดอายุการอนุมัติ หากเกิดสถานการณ์แบบนี้กิจกรรมวิจัยทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับอาสาสมัครต้องหยุดทันที หลังจากที่การอนุมัติหมดอายุจะไม่สามารถรับอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการได้24

FDA หวังว่าผู้วิจัยจะปฏิบัติตามมาตรฐานการปฏิบัติงานของ IRB การหมดอายุของการอนุมัติจะเกิดขึ้นน้อยอย่างไรก็ตาม การดำเนินการวิจัยต่อกับอาสาสมัครที่อยู่ในโครงการระหว่างที่การอนุมัติหมดอายุอาจจะเป็นความจำเป็น หรือเหมาะสม ตัวอย่าง เมื่อการวิจัยที่มีสิ่งแทรกแซง (research interventions) หยุดโอกาสที่อาสาสมัครจะได้รับประโยชน์โดยตรง (เช่น การวิจัยสูตรการรักษาเคมีบำบัดแบบใหม่ในการวิจัยโรคมะเร็ง), หรือ เมื่อหยุดการแทรกแซงที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่ออาสาสมัครเพิ่มขึ้น25 หากIRBตัดสินว่าอาสาสมัครที่เข้าโครงการแล้วควรได้รับสิ่งแทรกแซงที่ให้แก่อาสาสมัครภายใต้โครงร่างการวิจัย การเก็บข้อมูล (โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลด้านความปลอดภัย) ก็ควรดำเนินการต่อไปสำหรับอาสาสมัครดังกล่าว (เช่น การฝังอุปกรณ์ในร่างกายที่ต้องการการติดตามระยะยาว -implantable device requiring long-term follow-up).

หากผู้วิจัยตัดสินเบื้องต้นว่า หลังจากการอนุมัติหมดอายุเป็นประโยชน์สูงสุดกับอาสาสมัครที่เข้าโครงการแล้วจะยังคงอยู่ในการวิจัยต่อไป ผู้วิจัยควรจะปรึกษาแพทย์ผู้รักษา(ถ้าผู้วิจัยไม่ใช่แพทย์ผู้รักษา) การตัดสินนี้อาจจะใช้กับอาสาสมัครทุกคนทั้งกลุ่มหรือสำหรับอาสาสมัครแต่ละคน ในทุกกรณีผู้วิจัยควรตรวจสอบว่า IRB เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้  

เราแนะนำให้มาตรฐานการปฏิบัติงานของIRB ระบุว่า จะพิจารณาการตัดสินใจของผู้วิจัยอย่างไร FDA แนะนำให้มีกระบวนที่ครอบคลุมว่า จะพิจารณาโดยวิธีการอย่างไร ทำโดยประธาน โดยสมาชิกท่านอื่น หรือโดยกลุ่มของสมาชิกที่ได้รับมอบหมายจากประธาน หรือที่ประชุมคณะกรรมการ นอกจากนี้กระบวนการควรระบุว่า การตัดสินใจของผู้วิจัยจะใช้กับอาสาสมัคร หนึ่งคน หรือมากกว่าหนึ่งคน หรือใช้กับอาสาสมัครทั้งหมด กรอบเวลา และอื่นๆ

เมื่อ IRB อนุมัติการวิจัยที่ทำอยู่ทั้งๆที่การอนุมัติหมดอายุแล้ว (ongoing research lapses) และผู้วิจัยต้องการที่จะทำวิจัยต่อ IRBควรจะทำการพิจารณาการวิจัยต่อเนื่องนี้ให้เสร็จเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผู้วิจัยอาจจะเริ่มทำการวิจัยใหม่อีกครั้งเมื่อได้รับการพิจารณาและอนุมัติการวิจัยต่อเนื่อง IRBควรบันทึกว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์ที่การวิจัยหมดอายุการอนุมัติ (เช่น มีจำนวนการประชุมคณะกรรมการน้อยเกินกว่าที่จะพิจารณาการวิจัยต่อเนื่องที่มีอยู่ได้ทั้งหมด ผู้วิจัยไม่สามารถตอบจดหมายที่แจ้งเตือนการหมดอายุการอนุมัติประจำปีได้ ผู้วิจัยไม่สามารถให้ข้อมูลเพื่อที่IRBจะพิจารณาต่อเนื่องได้) และให้อธิบายขั้นตอนที่จะป้องกันการหมดอายุการอนุมัติในอนาคตอีก (เช่น การแก้ไขมาตรฐานการปฏิบัติงานของ IRB เพิ่มจำนวนการประชุมคณะกรรมการ)

เมื่อ IRB อนุมัติการวิจัยที่ทำอยู่ทั้งๆที่การอนุมัติหมดอายุแล้วและในลำดับต่อมาIRBอนุมัติการวิจัยใหม่อีกครั้ง    (re-approves) IRBอาจจะอนุมัติการวิจัยอีก 1 ปีและกำหนดวันครบรอบใหม่สำหรับวันหมดอายุของช่วงการอนุมัติครั้งต่อไป IRBอาจจะให้การอนุมัติใหม่ในช่วงเวลาที่น้อยกว่า 1 ปี ระบุอย่างใดอย่างหนึ่งว่า คงวันที่ครบรอบวันหมดอายุการอนุมัติเดิมไว้ หรือระบุความเสี่ยงของการวิจัยในกรณีดังกล่าวน่าจะกำหนดวันที่ใหม่ในการพิจารณาต่อเนื่อง

การวิจัยที่ทำอยู่ทั้งๆที่การอนุมัติหมดอายุแล้ว (lapse of IRB approval) เนื่องจากไม่ได้ทำการพิจารณาต่อเนื่องและได้รับการอนุมัติใหม่อีกครั้งก่อนวันหมดอายุการอนุมัติครั้งที่แล้วไม่ถือว่า เป็นการระงับ หรือยกเลิก การอนุมัติของIRBโดยอัตโนมัติ สำหรับวัตถุประสงค์ในการรายงานภายใต้ 21 CFR 56.113.26 อย่างไรก็ตามความล้มเหลวในการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในการพิจารณาต่อเนื่องอาจเป็นเหตุให้ระงับ หรือยกเลิกภายใต้ 21 CFR 56.113 (คำอธิบายอยู่ด้านล่าง) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการวิจัยที่ทำอยู่ทั้งๆที่การอนุมัติหมดอายุแล้ว ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ถ้าIRBพบรูปแบบการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในการพิจารณาต่อเนื่องซ้ำๆ (เช่น ผู้วิจัยทำซ้ำๆบ่อยๆ หรือจงใจที่จะละเลยการยื่นเสนอเอกสารเพื่อพิจารณาต่อเนื่องตามเวลาที่กำหนด หรือคณะกรรมการเองก็ไม่มีการประชุมในวันที่พิจารณาต่อเนื่อง) IRBควรตัดสินถึงเหตุผลที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดและดำเนินการแก้ไขตามความเหมาะสม IRBต้องรายงานต่อFDA เหตุการณ์ที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของFDA IRB หรือคำตัดสินใดๆที่ร้ายแรงและต่อเนื่อง และการระงับหรือยกเลิกการอนุมัติของIRB (21 CFR 56.108(b)(2) and (3), and 56.113) FDAจะประเมินรายงานนั้นๆและอาจจะไปตรวจเยี่ยมสถานที่วิจัย (inspect the site) ผู้วิจัย หรือ IRB ตามความเหมาะสม เพื่อประเมินการปฏิบัติตามกฎของFDAในการปกป้องอาสาสมัครวิจัย

FDAให้คำแนะนำด้วยว่า IRB ควรแจ้งกับผู้ให้ทุนถึงเหตุการณ์ที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของFDA IRB หรือคำตัดสินใดๆที่ร้ายแรงและต่อเนื่อง และการระงับหรือยกเลิกการอนุมัติของIRB โดยทั่วไปความรับผิดชอบหนึ่งของผู้ให้ทุนคือต้องมั่นใจว่ามีการกำกับดูแลการวิจัย (21 CFR 312.50 and 21 CFR 812.40) และเลือกผู้วิจัยที่มีคุณสมบัติเหมาะสม (21 CFR 312.53(a) และ 21 CFR 812.43(a)) การแจ้งกับผู้ให้ทุนเรื่องที่ผู้วิจัยไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด หรือIRBระงับ หรือยกเลิกการอนุมัติการวิจัย จะทำให้ผู้ให้ทุนรับรู้ถึงปัญหาเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น ผู้ให้ทุนทำงานร่วมกับผู้วิจัยในการส่งอาสาสมัครไปยังสถานที่วิจัยอื่นในพื้นที่ หาผู้วิจัยใหม่มาแทนผู้วิจัยที่สถานที่วิจัย หรือแน่ใจว่ายุติการวิจัยได้อย่างเหมาะสมถูกต้อง

2. การระงับ หรือยกเลิกการอนุมัติของ IRB (Suspension or Termination of IRB Approval)
IRBมีอำนาจในการระงับ หรือยกเลิกการอนุมัติการวิจัยทางคลินิก:
·         ที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของIRB (21 CFR 56.113); หรือ
·         ที่ก่อให้เกิดอันตรายที่ร้ายแรงและไม่คาดคิดกับอาสาสมัคร (21 CFR 56.113)
วิธีการระงับการอนุมัติ (Suspension of approval) อาจจะเหมาะสมเมื่อเพิ่งตรวจพบปัญหาและIRBกำลังทำการสืบสวนอยู่ ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้วิจัยถูกกล่าวหาว่าทำผิด หรื่อมีประเด็นด้านความปลอดภัยที่ต้องการการสืบสวนและประเมิน IRBอาจจะตัดสินที่จะระงับการวิจัยจนกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะได้รับการแก้ไข นอกจากนี้ IRB อาจจะตัดสินว่าเหมาะสมไหมที่จะแจ้งอาสาสมัคร และถ้าต้องแจ้ง เมื่อไหร่ดี การให้ข้อมูลทั้งหมดอาจจะยังไม่ทำจนกว่า ปัญหานี้จะได้รับการพิจารณาจากIRB  

สำหรับการวิจัยหลายสถานที่วิจัยที่ซึ่ง IRBของท้องถิ่น (local IRB) รับผิดชอบพิจารณาการวิจัยในสถานที่ที่รับผิดชอบ IRBของท้องถิ่น ตัดสินที่จะระงับ หรือยกเลิกการอนุมัติการวิจัยในสถานที่ที่IRBพิจารณา
ในทางกลับกันหากอีกหลายสถานที่วิจัย หรือทั้งหมดที่ร่วมในการวิจัยหลายสถานที่วิจัยนี้เชื่อมั่นในการพิจารณาของ IRBกลาง(central IRB) IRBกลางก็สามารถระงับ หรือยกเลิกการอนุมัติการวิจัยที่สถานที่วิจัยใดๆที่มีปัญหาในการทำวิจัยในสถานที่วิจัยนั้นๆ หรือสถานที่วิจัยทั้งหมดที่พิจารณาเพราะเป็นปัญหาที่เกิดทั้งการวิจัย หาก IRB (มีอำนาจเพียงสถานที่วิจัยเดียว) เชื่อว่าปัญหาที่เกิดอาจจะพบที่สถานที่วิจัยอื่นด้วย IRBนั้นควรจะแจ้งแก่ FDA เรื่องระงับ หรือยกเลิกการอนุมัติการวิจัย  

ระงับ หรือยกเลิกการอนุมัติการวิจัยใดๆระบุเหตุผลที่IRBทำเช่นนี้และต้องรายงานทันทีต่อ ผู้วิจัย เจ้าหน้าที่สถาบัน และ FDA (21 CFR 56.113) IRBsต้องปฏิบัติตามมาตรฐานปฏิบัติงานในการรายงาน (21 CFR 56.108(b)(3))

เมื่อมีการรายงานระงับ หรือยกเลิกการอนุมัติการวิจัยใดๆต่อ FDA IRBsควรจะระบุ:

  • ชื่อของยา ชีววัตถุ หรืออุปกรณ์;
  • เลขลงทะเบียนยาใหม่/อุปกรณ์ใหม่(IND number; IDE number);
  • ชื่อเต็มของโครงร่างการวิจัย;
  • ชื่อและที่อยู่ของผู้วิจัย;
  • เหตุผลที่ระงับ หรือยกเลิกการอนุมัติการวิจัย; และ
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการสืบสวนและแผนการปฏิบัติงานเพื่อป้องกัน/การจัดการกับการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในอนาคต

IRBsที่มีปัญหาเกี่ยวกับการระงับ หรือยกเลิกการอนุมัติการวิจัยอาจติดต่อ FDAเมื่อใดก็ได้เพื่อปรึกษาหารือปัญหานี้ 27

เมื่อการวิจัยถูกระงับ หรือยกเลิกการอนุมัติโดย IRB IRBควรพิจารณาถึงความจำเป็นในการแจ้งแก่อาสาสมัครที่เข้าร่วมการวิจัยในปัจจุบัน หรือในอดีต ตามความเหมาะสม ถึงการปฏิบัตินี้ นอกจากนี้ IRB ควรจัดทำมาตรฐานการปฏิบัติเพื่อให้แน่ใจว่าสิทธิและสวัสดิภาพของอาสาสมัครที่เข้าร่วมการวิจัยในปัจจุบันได้รับการปกป้อง อาสาสมัครไม่อยู่กับความเสี่ยง  และอาสาสมัครได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม หากระบุได้ ควรที่ IRB จะ (a) ระงับ หรือยกเลิกการอนุมัติในระหว่างที่อยู่ช่วงเวลาการอนุมัติ หรือ (b) ไม่อนุมัติ ณ เวลาที่พิจารณาต่อเนื่อง ตัวอย่าง IRB, ปรึกษากับผู้วิจัยและแพทย์ผู้รักษาของอาสาสมัคร (หากไม่ใช่คนเดียวกับผู้วิจัย), อาจจะต้องพิจารณาว่าจะเป็นประโยชน์กับอาสาสมัครที่เข้าร่วมการวิจัยในปัจจุบันหรือไม่ ที่จะ (a) ยังคงให้อาสาสมัครทำกิจกรรมแทรกแซงภายใต้การวิจัยนี้ที่สถานที่วิจัยปัจจุบัน (ให้ยาวิจัยต่อไป) (b) ส่งตัวไปสถานที่วิจัยอื่น เพื่อที่อาสาสมัครจะได้ร่วมวิจัยอยู่ต่อไป  หรือ (c) เปลี่ยนการจัดการเรื่องยา ให้ผู้ที่นอกบริบทการวิจัยจัดการแทน อาจจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่จะให้อาสาสมัครยังคงได้รับผลิตภัณฑ์วิจัยต่อ ตัวอย่าง เมื่อการได้ผลิตภัณฑ์วิจัยจะเกิดประโยชน์โดยตรงกับอาสาสมัคร หรือเมื่อระงับผลิตภัณฑ์วิจัยจะเพิ่มความเสี่ยงต่ออาสาสมัคร ถ้าIRBตัดสินว่า อาสาสมัครที่ร่วมการวิจัยควรได้รับผลิตภัณฑ์วิจัยต่อ ควรจะแน่ใจว่ายังคงมีการเก็บข้อมูล (โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความปลอดภัย) กับอาสาสมัครคนนี้ต่อ ถ้าเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องติดตามอาสาสมัครวิจัยปัจจุบันเพื่อให้แน่ใจเรื่องการปกป้อง สิทธิ ความปลอดภัยหรือสวัสดิภาพ IRBควรแน่ใจว่าผู้วิจัยแจ้งแก่อาสาสมัครและรายงานปัญหาไม่คาดคิดใดๆต่อ IRB ผู้ให้ทุน และ FDA (ดู 21 CFR 56.108(b))
  
คำอธิบาย
1 แนวทางนี้จัดเตรียมโดยคณะทำงานกลุ่มคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยของ FDA  (FDA’s Institutional Review Board Working Group) ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจาก FDA’s Office of the Commissioner, Center for Biologics Evaluation and Research (CBER), Center for Drug Evaluation and Research (CDER), และ Center for Devices and Radiological Health (CDRH)
2 สำหรับโครงการวิจัยที่ทำภายใต้ 45 CFR part 46 (คือ โครงการวิจัยที่ได้รับเงินสนับสนุน ดำเนินการ หรือ สนับสนุนโดย HHS, OHRP ได้ตีพิมพ์แนวทางในการพิจารณาต่อเนื่องของIRB (IRB continuing review)
ดูแนวทางในการพิจารณาการวิจัยต่อเนื่องของIRB-Guidance on IRB Continuing Review of Research,” http://www.hhs.gov/ohrp/policy/continuingreview2010.pdf and “แนวทางในการวิจัยอย่างมีเงื่อนไข-Guidance on IRB Approval of Research with Conditions,” http://www.hhs.gov/ohrp/policy/
conditionalapproval2010.html.
3 ดู21 CFR 56.108(a)(3) and (4), 56.109(a), and 56.110(b)(2).
4 ดู21 CFR 56.109(b).
5 ดู21 CFR 56.108(b)(1).
6 ดูแนวทางสำหรับ อุตสาหกรรมยาของ FDA - FDA’s Guidance for Industry, “รายงานเหตุการณ์เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์กับIRB – เพื่อส่งเสริมการคุ้มครองอาสาสมัครวิจัย (Adverse Event Reporting to IRBs – Improving Human Subject Protection),” ที่ http://www.fda.gov/downloads/Regulatory
Information/Guidances/UCM126572.pdf.
7 โปรดทราบว่า กฎของ FDA สำหรับการวิจัยอุปกรณ์ ได้กำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบเฉพาะของผู้ให้ทุน“…เพื่อให้แน่ใจว่า ได้รับการพิจารณาและอนุมัติจากIRBและแน่ใจว่าการพิจารณาของ IRB และ FDAได้รับทราบข้อมูลใหม่ที่สำคัญของผู้วิจัยอย่างทันท่วงที…” 21 CFR 812.40
8 ดูแนวทางสำหรับอุตสาหกรรมยาของ FDA “การใช้กระบวนการพิจารณาของIRBกลางสำหรับการวิจัยหลายสถานที่วิจัย - Using a Centralized IRB Review Process in Multicenter Clinical Trials,” http://www.fda.gov/downloads/Drugs/GuidanceComplianceRegulatory Information/ Guidances/ucm080606.pdf.
9 ดู 21 CFR 312.53(c)(1)(vii), 312.60, 312.66, 812.36(c)(viii), 812.100, 812.110(b), 812.40, and 812.43(c)(4)(i).
10 ข้อมูลบางอย่างอาจจะมาจากผู้ให้ทุนผู้ซึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกสถานที่วิจัย ผู้ให้ทุนอาจจะให้ข้อมูลโดยตรงกับ IRBs หรือผู้วิจัยผู้ที่จะให้ข้อมูลนี้กับIRBs
11 กระบวนการของ IRB ต้องทำให้แน่ใจว่า มีการรายงานทันทีต่อIRBเมื่อมีปัญหาไม่คาดคิดที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของอาสาสมัคร หรือ อื่นๆ (21 CFR 56.108(b)(1)). ดูแนวทางสำหรับผู้วิจัย ผู้ให้ทุน และ IRB: เรื่องการรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ต่อ IRB เพื่อส่งเสริมการคุ้มครองอาสาสมัครวิจัย Guidance for Clinical Investigators, Sponsors, and IRBs: Adverse Event Reporting to IRBs--Improving Human Subject Protection,” http://www.fda.gov/downloads/RegulatoryInformation/ Guidances/UCM126572.pdf.
12 ดูแนวทางของ FDA เรื่องแนวทางสำหรับผู้ให้ทุนวิจัยทางคลินิก การจัดตั้งและดำเนินการคณะกรรมการกำกับดูแลข้อมูลสำหรับการวิจัยทางคลินิก - Guidance for Clinical Trial Sponsors, Establishment and Operation of Clinical Trial Data Monitoring Committees,” http://www.fda.gov/downloads/ RegulatoryInformation/Guidances/ucm127073.pdf .
13 FDAได้รับข้อคิดเห็นจากผู้ควบคุมกฎสากล (international regulatory authorities)ให้มีการรายงานสรุปเป็นระยะๆต่อ คณะกรรมการจริยธรรมอิสระ(independent ethics committees- IECs) เนื่องจากรายงานนี้ทำและเขียนสำหรับ IRBs/IECs สำหรับการวิจัยระดับโลก (global research) รายงานนี้ถูกแนะนำให้ใช้เพื่อลดภาระงาน และรวบรวมตามข้อกำหนดของการวิจัยที่ทำในหลายประเทศ (multinational trials) และให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อIRBs. [ดูใบปะหน้า # FDA-2009-D-0605, ที่ www.regulations.gov ] FDAไม่ขัดแย้งกับการปฏิบัติเช่นนี้
สำหรับการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับยาและชีววัตถุ IRBs ร้องขอ รายงานสรุปสถานะความปลอดภัย Development Safety Update Report (DSUR) Executive Summary หากมี วัตถุประสงค์หลักของ DSUR เพื่อแสดงในการพิจารณาและประเมินประจำปีข้อมูลด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องอย่างครอบคลุม รอบคอบ ที่เก็บระหว่างการรายงานตามช่วงเวลาสำหรับยาวิจัย ไม่ว่าจะได้รับการอนุมัติให้ขาย หรือไม่ ดู ICH “Guidance for Industry, E2F Development Safety Update Report,” http://www.fda.gov/downloads/Drugs/ Guidance ComplianceRegulatoryInformation/Guidances/UCM073109.pdf .
14 ดู “Guidance for Clinical Investigators, Sponsors, and IRBs: Adverse Event Reporting to IRBs--Improving Human Subject Protection,” http://www.fda.gov/downloads/RegulatoryInformation/Guidances/UCM126572.pdf .
15 ดู “Guidance for Industry: Using a Centralized IRB Review Process in Multicenter Clinical Trials,” http://www.fda.gov/downloads/Drugs/GuidanceComplianceRegulatory Information/Guidances/ucm080606.pdf .
16 ดู 21 CFR 312.7(c) and 21 CFR 812.7(c)
17 ดู Appendix for text of 63 FR 60353, November 9, 1998, or at: http://frwebgate .access.gpo.gov /cgi-bin/getdoc.cgi?dbname=1998_register&docid=98-29748-filed.pdf .
18 ดู 63 FR 60356, November 9, 1998, ที่: http://frwebgate.access. gpo.gov/cgi-bin/getdoc.cgi?dbname=1998_register&docid=98-29748-filed.pdf.
19 ดู “Guidance for Industry - Using a Centralized IRB Review Process in Multicenter Clinical Trials,” http://www.fda.gov/RegulatoryInformation/Guidances/ucm127004.htm .
20 ตัวอย่างเช่น, “แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องใดๆประกอบด้วย การพิจารณาด้านวิทยาศาสตร์ หรือ รายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ โดย IRB หรือ ผู้วิจัย รวมทั้งการสื่อสารกับ FDA หรือ ผู้ให้ทุน
21 การวิจัยประเภทที่ 1 (Category 1 research) กล่าวถึง “(1) การวิจัยทางคลินิกของยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์เมื่อตรงกับเงื่อนไข (a) or (b) เท่านั้น: (a) การวิจัยยาที่ไม่ต้องขึ้นทะเบียนยาใหม่ (Research on drugs for which an investigational new drug application - 21 CFR Part 312). (โปรดทราบ: การวิจัยยาที่ขายอยู่ในตลาดที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หรือลดการยอมรับการใช้ยาเนื่องจากความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยา จะไม่เข้าเกณฑ์การพิจารณาแบบเร่งด่วน)
(b) การวิจัยอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่ (i) ที่ไม่ต้องขอขึ้นทะเบียนสิ่งประดิษฐ์ทางการแพทย์ (investigational device exemption application) (21 CFR part 812); หรือ (ii) อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ผ่าน/อนุมัติสำหรับให้ขายในตลาด (cleared/approved for marketing) และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ให้ใช้ได้ตามฉลากผ่าน/อนุมัติ (cleared/approved labeling)” (63 FR 60353, at 60355, November 9, 1998)
22 ดู 21 CFR 312.53(c)(1)(vii); 312.60; 312.66; 812.36(c)(viii), 812.100, 812.110(b), 812.40, และ 812.43(c)(4)(i).
23 สำหรับการวิจัยที่มีข้อยกเว้นการขอความยินยอมสำหรับการวิจัยในภาวะฉุกเฉินที่ทำภายใต้ 21 CFR 50.24, IRB ต้องแจ้งทั้งผู้วิจัยและผู้ให้ทุนอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรถึงคำตัดสินที่ไม่สามารถอนุมัติการวิจัยได้ (21 CFR 50.24(e) และ 56.109(e))
24 ดู, ตัวอย่าง, 21 CFR 56.103(a) (การวิจัยที่ต้องตรงตามข้อกำหนดสำหรับก่อนยื่นเสนอในส่วน 312, 812, and 813 “จะไม่สามารถทำได้ ยกเว้นแต่ว่า การวิจัยนั้นจะได้รับการพิจารณาและอนุมัติโดย และพิจารณาต่อเนื่องโดย, ที่ประชุม IRB ตามที่กำหนดในส่วนนี้”); 21 CFR 812.110 (a) (ผู้วิจัยไม่สามารถขอความยินยอมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรกับอาสาสมัครใดๆให้เข้าร่วมการวิจัย, และไม่ให้อาสาสมัครเข้าร่วมวิจัยก่อนได้รับการอนุมัติจาก IRB และ FDA); 21 CFR 312.66 (กำหนดให้ผู้วิจัยมั่นใจว่าการวิจัยได้รับการพิจารณาต่อเนื่องโดยการประชุม IRB ตามข้อกำหนดใน part 56)
25 ดู 21 CFR 56.102(g)
26 การกำกับดูแลการวิจัยของ IRB กับการวิจัยที่ทำระหว่างหมดอายุของการอนุมัติเบื้องต้น (period of lapsed approval) อย่างไรก็ตาม การฝ่าฝืนหน้าที่ของผู้วิจัย (violation of an investigator’s duties) ภายใต้กฎของ FDA ดู 21 CFR 312.60 (ผู้วิจัยมีหน้าที่รับผิดชอบให้แน่ใจว่าการวิจัยทำตาม คำแถลงของผู้วิจัยที่ลงนามไว้ ( signed investigator statement), แผนการวิจัย, และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง); 312.66 (กำหนดให้ผู้วิจัยต้องแน่ใจว่าการวิจัยได้รับการพิจารณาต่อเนื่องโดยที่ประชุมIRB ตามที่กำหนดใน part 56); 21 CFR 812.100 (ผู้วิจัยต้องแน่ใจว่าการวิจัยทำตามกฎของ FDAที่เกี่ยวข้องและการอนุมัติแบบมีเงื่อนไขของ IRB); 812.110(a) (ผู้วิจัยไม่ขอความยินยอมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรกับอาสาสมัครใดๆให้เข้าร่วมการวิจัย, และไม่ให้อาสาสมัครเข้าร่วมวิจัยก่อนได้รับการอนุมัติจาก IRB และ FDA); 21 CFR 56.103(a) (การวิจัยต้องตรงตามข้อกำหนดก่อนการยื่นเสนอในส่วน 312, 812, and 813 “จะไม่สามารถทำได้ ยกเว้นแต่ว่า การวิจัยนั้นจะได้รับการพิจารณาและอนุมัติโดย และพิจารณาต่อเนื่องโดย, ที่ประชุม IRB ตามที่กำหนดในส่วนนี้”).
27 ดู http://www.fda.gov/ScienceResearch/SpecialTopics/RunningClinicalTrials/ucm134493.htm
ภาคผนวก (Appendix)
ประเภทของการวิจัยที่อาจจะได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการโดยกระบวนการเร่งด่วน
CATEGORIES OF RESEARCH THAT MAY BE REVIEWED BY THE INSTITUTIONAL REVIEW BOARD (IRB) THROUGH AN EXPEDITED REVIEW PROCEDURE\1\
[Federal Register: November 9, 1998 (Volume 63, Number 216)] [Notices] [Page 60353-60356]
รายการถูกอ้างถึงใน Sec. 56.110(a) ต้นฉบับตีพิมพ์ในเอกสาร Federal Registerวันที่ 27 มกราคม 1981(46 FR 8980), เป็นประกาศรายการวิจัยที่สามารถพิจารณาจากคณะกรรมการโดยกระบวนการเร่งด่วนที่กำหนดในกฏของFDA
การบังคับใช้
(A) กิจกรรมวิจัยที่ (1) มีความเสี่ยงต่ออาสาสมัครไม่มากกว่าความเสี่ยงต่ำ, และ (2) เกี่ยวข้องกับกระบวนการที่อยู่ในรายการหนึ่งประเภทหรือมากกว่า อาจจะพิจารณาโดย IRB ด้วยวิธีพิจารณาแบบเร่งด่วนตามอำนาจใน 45 CFR 46.110 และ 21 CFR 56.110 กิจกรรมที่รายงานไว้ควรจะถือว่ามีความเสี่ยงต่ำเพียงอย่างเดียวเพราะอยู่ในรายการนี้ เกณฑ์ที่ทำให้เข้าอยู่ในรายการนี้หมายถึงกิจกรรมนี้มีคุณสมบัติสำหรับการพิจารณาโดยการพิจารณาแบบเร่งด่วนเมื่อการวิจัยที่ยื่นเสนอเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่ออาสาสมัครที่ไม่มากกว่าความเสี่ยงต่ำ (B)ประเภทที่อยู่ในรายการนี้ใช้โดยไม่คำนึงถึงอายุของอาสาสมัครยกเว้นที่ระบุไว้ (C)กระบวนการพิจารณาแบบเร่งด่วนอาจจะไม่ใช้เมื่ออาสาสมัครและ/หรือผลที่พวกเขาจะได้รับจะทำให้เขาเกิดความเสี่ยงต่ออาชญากรรม หรือการรับผิดทางแพ่ง หรืออาจทำลายสถานภาพทางการเงิน การจ้างงาน การประกันตน ชื่อเสียง หรือการตีตรา ยกเว้นแต่ว่าจะมีการดำเนินการป้องกันอย่างมีเหตุผลและเหมาะสมเพื่อความเสี่ยงในการละเมิดความเป็นส่วนตัวและการเปิดเผยความลับจะไม่มากไปกว่าความเสี่ยงที่น้อยที่สุด (D)การพิจารณาแบบเร่งด่วนอาจจะไม่ใช้สำหรับแบ่งประเภทการวิจัยในคน (E)IRBsถูกเตือนถึงข้อกำหนดมาตรฐานในการขอความยินยอม (หรือ งด (waiver) ดัดแปลง (alteration) หรือ มีข้อยกเว้น (exception)) ให้ใช้โดยไม่คำนึงถึงชนิดที่IRBพิจารณา ไม่ว่าจะเป็น การพิจารณาแบบเร่งด่วน หรือ การพิจารณาในที่ประชุม (F)ประเภท (1) ถึง (7) เกี่ยวกับทั้งการพิจารณาเบื้องต้นและต่อเนื่องทั้ง 2 อย่าง
ประเภทของการวิจัย
(1) การวิจัยทางคลินิกในเรื่องของยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์เมื่อตรงเงื่อนไข (a) or (b)
(a) การวิจัยยา ที่ไม่ได้ทำตามข้อกำหนดของการวิจัยยาใหม่ (21 CFR Part 312);
(คำอธิบาย: การวิจัยยาที่มีขายอยู่ในตลาดที่เกิดความเสี่ยงมากขึ้น หรือได้รับการยอมรับเรื่องความเสี่ยงจากการใช้ยาลดลง จะถือว่า ไม่เข้าเกณฑ์การพิจารณาแบบเร่งด่วน)
(b) การวิจัยอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่ง (i) ไม่ต้องลงทะเบียนวิจัยอุปกรณ์ทางการแพทย์ชนิดใหม่ (Investigational device exemption application (21 CFR Part 812); หรือ (ii) อุปกรณ์ทางการแพทย์ปลอดภัย/อนุมัติให้ขายในตลาด (cleared/approved for marketing) และ อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ตามฉลากที่ติดว่าปลอดภัย/อนุมัติ (cleared/approved labeling)
(2) การเก็บตัวอย่างเลือดจากปลายนิ้ว (finger stick) ส้นเท้า (heel stick) ใบหู (ear stick) หรือจากหลอดเลือดดำ (Venipuncture) ดังต่อไปนี้: (a) จากผู้ใหญ่สุขภาพดี ไม่ตั้งครรภ์ ที่มีน้ำหนักอย่างน้อย 110 ปอนด์ (ประมาณ 50 กิโลกรัม) สำหรับอาสาสมัครเหล่านี้ จำนวนเลือดที่เจาะอาจจะไม่เกินกว่า 550 มล.ในช่วงเวลา 8 สัปดาห์ และ การเจาะเลือดไม่ควรมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือ (b) จากผู้ใหญ่ และเด็ก\2\  พิจารณาถึง อายุ น้ำหนัก และสุขภาพของอาสาสมัคร กระบวนการเจาะเลือด จำนวนเลือดที่เก็บ ความถี่ของการเจาะเลือด สำหรับอาสาสมัครเหล่านี้  จำนวนเลือดที่เจาะต้องไม่เกิน 50 มล. หรือ 3 มล. ต่อกิโลกรัมในช่วงเวลา 8 สัปดาห์ และการเจาะเลือดไม่ควรมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์
(3) การเก็บตัวอย่างชีววัตถุไว้ล่วงหน้า เพื่อการวิจัยในอนาคต โดยไม่มีการรุกล้ำเข้าไปในร่างกาย (Prospective collection of biological specimens for research purposes by noninvasive) หมายถึง ตัวอย่าง: (a) การตัดผมและเล็บโดยไม่ทำให้เสียรูปลักษณ์ (nondisfiguring manner); (b) ฟันน้ำนมที่กำลังหลุด (deciduous teeth at time of exfoliation) หรือผู้ป่วยที่รับการดูแลตามปกติมีข้อบ่งชี้ว่าต้องถอนฟัน (c) ฟันจริงที่มารับการดูแลตามปกติแล้วมีข้อบ่งชี้ว่าต้องถอนฟัน; (d) อุจจาระ หรือสารคัดหลั่งภายนอก (รวมทั้งเหงื่อ);
(e) การเก็บน้ำลายโดยไม่ต้องใช้สายยาง (uncannulated saliva collected) ทั้งแบบไม่กระตุ้น หรือ กระตุ้นโดยการเคี้ยวสิ่งที่คล้ายหมากฝรั่ง หรือขี้ผึ้ง หรือทาสารออกรสเปรี้ยวที่ลิ้น; (f) การเอารกออกขณะที่ทำคลอด; (g) น้ำคร่ำตอนที่ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนหรือระหว่างคลอด (h) คราบจุลินทรีย์และหินปูน เหนือและใต้เหงือก ให้ระบุขั้นตอนการเก็บที่ไม่รุกล้ำเกินไปกว่าที่ทำในระดับของการป้องกันฟันตามปกติ และขั้นตอนนี้ประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับ (i) การเก็บเยื่อเมือกและเซลผิวหนังโดยวิธีการขูด หรือกวาดแก้ม หรือล้างบ้วนปาก; (j) การเก็บเสมหะหลังทำการพ่นหมอกด้วยน้ำเกลือ (saline mist nebulization)
(4) การเก็บข้อมูลโดยกระบวนการไม่รุกล้ำ (ไม่มีการดมยาสลบ หรือให้ยากดประสาท) ซึ่งโดยปกติจะทำโดยผู้ปฏิบัติทางการแพทย์, ไม่รวมกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการ x-rays หรือ microwaves เมื่อมีการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ต้องปลอดภัย/อนุมัติให้ขายในตลาด (วิจัยเพื่อประเมินความปลอดภัยและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ทางการแพทย์โดยปกติจะไม่เข้าเกณฑ์การพิจารณาแบบเร่งด่วน รวมทั้งการวิจัยเพื่อศึกษาว่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ปลอดภัยสำหรับข้อบ่งชี้ใหม่) ตัวอย่าง: (a) physical sensors (เซนเซอร์ที่ใช้ในการตรวจวัดคุณสมบัติทางกายภาพต่างๆ) ที่ใช้ทั้งพื้นผิวของร่างกาย หรือที่ระยะห่าง และไม่เกี่ยวกับการใส่พลังงานเข้าไปในร่างกายอาสาสมัคร หรือรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของอาสาสมัคร; (b) การชั่งน้ำหนัก หรือ การทดสอบความรุนแรงของประสาทสัมผัส (testing sensory acuity); (c) การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (magnetic resonance imaging); (d) electrocardiography, electroencephalography, thermography, detection of naturally occurring radioactivity, electroretinography, ultrasound, diagnostic infrared imaging, doppler blood flow, and echocardiography; (e) การออกกำลังกายปานกลาง การทกสอบความตึงของกล้ามเนื้อ(muscular strength testing)  การประเมินส่วนประกอบของร่างกาย (body composition assessment), และ การทดสอบความยืดหยุ่น (flexibility testing)ที่เหมาะสมกับอายุ น้ำหนัก และสุขภาพของบุคคล
(5) การวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ (ข้อมูล เอกสาร บันทึก หรือ ตัวอย่างชีววัตถุ) ที่เก็บหรือจะเก็บไม่ใช่เพื่อการวิจัย (เช่น เพื่อการรักษา หรือการวินิจฉัยทางการแพทย์) (คำอธิบาย: การวิจัยบางอย่างในกลุ่มนี้อาจจะได้รับการยกเว้นจากกฎของ HHS ในการคุ้มครองอาสาสมัคร 45 CFR 46.101(b)(4). รายการนี้กล่าวถึงการวิจัยที่ไม่ได้รับการยกเว้นเท่านั้น)
(6) การเก็บข้อมูลจากบันทึก เสียง วิดีโอ ดิจิทัล หรือภาพ เพื่อการวิจัย
(7) การวิจัยคุณลักษณะ หรือพฤติกรรม ของบุคคล หรือกลุ่มบุคคล (รวมทั้ง แต่ไม่จำกัดเพียง การวิจัยเรื่อง การรับรู้ (perception)  ความรู้ความเข้าใจ(cognition)  แรงจูงใจ (motivation) อัตลักษณ์(identity) ภาษา( language) การสื่อสาร(communication) ความเชื่อในวัฒนธรรม (cultural beliefs) หรือ การปฏิบัติ และพฤติกรรมสังคม (social behavior)  หรือ การวิจัยที่ใช้ การสำรวจ การสัมภาษณ์ การบอกเล่าประวัติศาสตร์ การสนทนากลุ่ม (focus group) การประเมินโปรแกรม(program evaluation) การประเมินปัจจัยมนุษย์(human factors evaluation) หรือการประกันคุณภาพระเบียบวิธีวิจัย (quality assurance methodologies)
(คำอธิบาย: การวิจัยบางอย่างในกลุ่มนี้อาจจะได้รับการยกเว้นจากกฎของ HHS ในการคุ้มครองอาสาสมัคร 45 CFR 46.101(b)(2) and (b)(3). รายการนี้กล่าวถึงการวิจัยที่ไม่ได้รับการยกเว้นเท่านั้น)
(8) การพิจารณาต่อเนื่องในการวิจัยที่เคยได้รับการอนุมัติไปแล้วในที่ประชุมคณะกรรมการดังต่อไปนี้:
(a) ที่ซึ่ง (i) การวิจัยที่ปิดการรับอาสาสมัครรายใหม่อย่างถาวร; (ii) อาสาสมัครทั้งหมดเสร็จสิ้นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย; และ (iii) การวิจัยเหลือเพียงกิจกรรมการติดตามอาสาสมัครระยะยาว; หรือ
(b) ที่ไม่มีการรับอาสาสมัคและไม่พบความเสี่ยงเพิ่มขึ้น; หรือ (c)ที่การวิจัยเหลือเพียงการวิเคราะห์ข้อมูล
(9) การพิจารณาการวิจัยต่อเนื่องจะไม่ทำในการวิจัยยา/อุปกรณ์ใหม่ (investigational new drug application or investigational device exemption) ที่อยู่ในประเภทที่ (2) ถึง (8)แต่ IRBมีสิทธิตัดสินและบันทึกในการประชุมคณะกรรมการว่าการวิจัยเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่มากกว่าความเสี่ยงที่น้อยที่สุดและไม่พบความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
คำอธิบาย ภาคผนวก
\1\ กระบวนการการพิจารณาแบบเร่งด่วน (expedited review procedure) ประกอบด้วยการพิจารณาการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับคนโดยประธาน IRB หรือผู้ทบทวนที่มีประสบการณ์ที่ได้รับมอบหมายจากสมาชิก IRB หนึ่งคนหรือมากกว่า ตามที่กำหนดใน 45 CFR 46.110 ดูรายละเอียดได้ที่ http://frwebgate.access.gpo.gov/cgi-bin/getdoc.cgi?dbname=1998_register&docid=98-29748-filed.pdf
\2\ เด็ก ตามข้อกำหนดของ HHS หมายถึง ``บุคคลที่ยังไม่บรรลุอายุทางกฏหมายในการยินยอมเพื่อรักษา หรือกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยภายใต้กฏหมายที่บังคับใช้ในเขตปกครองที่ทำการวิจัย''45 CFR 46.402(a)

สนใจต้นฉบับสืบค้นได้ที่ https://www.fda.gov/media/83121/download

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความใหม่

ชุดตรวจโรคด้วยตัวเองที่บ้าน Home Use Test

ชุดตรวจโรคด้วยตัวเองที่บ้าน Home Use Test ปัจจุบันนี้ชุดตรวจโรคด้วยตัวเองที่บ้านมีใช้กันอย่างแพร่หลาย สามารถอำนวยความสะดวกให้เราได้ตรวจโรค...

บทความแนะนำ